“สุริยะ” เดินหน้าเต็มสูบ! ยันไม่พับแผนโครงการ “แลนด์บริดจ์”

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม จะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์เต็มที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ถึงข้อกังวล และข้อสังเกตในด้านต่างๆ โดยเมื่อรับฟังความเห็นแล้ว หน่วยงานภาครัฐฯ ที่เกี่ยวข้อง จะนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินการ รวมถึงหากมีปัญหาในจุดใด ก็จะหาแนวทางแก้ไขเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความพึงพอใจ และเกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายในระดับสูงสุด

ขณะเดียวกัน กรณีที่มีผู้ออกมาวิจารณ์โครงการแลนด์บริดจ์ในเชิงคัดค้านนั้น แต่จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่พบว่า 99% ต้องการให้โครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์โดยรวมของพื้นที่ภาคใต้ และเพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทย

  • เชื่อ “แลนด์บริดจ์” จะเป็น Hub โลจิสติกส์ของภูมิภาค

ด้าน นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์ นับเป็นอีกหนึ่งยุทธศาตร์สำคัญทางเศรษฐกิจโซนภาคใต้ของประเทศไทย ที่สามารถเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งประเทศไทยตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน จึงมีความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ และได้รับผลประโยชน์ด้านการขนส่งสินค้าของช่องแคบมะละกา ที่ในปัจจุบันมีแนวโน้มการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงรัฐบาลยุคที่ผ่านมา โซนภาคใต้ของประเทศไทย ยังไม่ได้มีการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ของรัฐบาลยุคปัจจุบันนั้น จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ที่มีความเหมาะสม ทั้งพื้นที่ภูมิศาสตร์ จำนวนประชากร และจำนวนแรงงาน และหากโครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้น จะสามารถสร้าง S-Curve ของอุตสาหกรรมขึ้นมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ขณะที่ความเป็นไปได้ของโครงการแลนด์บริดจ์นั้น ยังคงต้องรอข้อสรุปจากผลการศึกษาวิจัยให้แล้วเสร็จ จึงจะมีการส่งต่อไปยังภาครัฐฯ เพื่อพิจารณาถึงแผนการลงทุนต่อไป โดยหากมีการลงทุนตามสมมุติฐาน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เชื่อว่าภายใน 25 ปี จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้หลายเท่า ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งรวมถึงการจ้างงานภายในประเทศ และการสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศในระดับสูงอีกด้วย

โฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการหลายฝ่ายออกมากล่าวถึงต้นทุนการเดินเรือ รวมถึงความแออัดของท่าเรือ โดยมองว่าขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งที่กล่าวมานั้น ยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด และไม่สามารถระบุได้แบบตรงไปตรงมา เป็นเพียงการคาดเดาโดยการเปรียบเทียบช่วง 3 ปีก่อน จึงจำเป็นต้องรอผลสรุปเพื่อนำมาประเมินต่อไป ซึ่งหากต้นทุนสูงเกินไป ผู้ประกอบจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าจะเข้ามาใช้บริการหรือไม่ ส่วนฝั่งผู้ลงทุนในโครงการฯ หากได้ข้อสรุปมาแล้วพบว่า ต้นทุนสูง เชื่อว่าก็คงไม่มีผู้ใดเข้ามาลงทุน แต่คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ม.ค. 67)

Tags: , ,