หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กำลังพิจารณาที่จะปฏิรูปโครงการค้ำประกันเงินฝากครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนเงินค้ำประกันที่ครอบคลุมธุรกิจหลายประเภท และบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองเงินสดล่วงหน้าให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าประชาชนและภาคธุรกิจจะสามารถเข้าถึงเงินสดได้รวดเร็วขึ้น หากธนาคารล้มละลาย
ทางการอังกฤษกำลังเร่งทบทวนโครงการชดเชยความเสียหายทางการเงิน (Financial Services Compensation Scheme) หลังจากการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และธนาคารอีก 2 แห่งของสหรัฐเมื่อเดือนที่แล้ว รวมทั้งการที่เครดิต สวิส เผชิญวิกฤตสภาพคล่องจนเป็นเหตุให้ธนาคารยูบีเอสต้องเข้าเทคโอเวอร์กิจการ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงินทั่วโลก
นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “BoE กำลังพิจารณาปรับปรุงแนวทางการเข้าถึงเงินฝากในธนาคารขนาดเล็ก โดยเน้นที่ความรวดเร็วของการให้บริการถอนเงิน นอกจากนี้ เรากำลังพิจารณาเพิ่มวงเงินคุ้มครองเงินฝาก อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าวจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น”
BoE มีมติ 7-2 ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในการประชุมครั้งล่าสุดตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 11 ติดต่อกัน หลังจากเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 10.4% ในเดือนก.พ.
นักลงทุนให้น้ำหนัก 50% ต่อการคาดการณ์ว่า BoE จะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. และให้น้ำหนัก 50% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 เม.ย. 66)
Tags: BoE, ค้ำประกันเงินฝาก, ธนาคารกลางอังกฤษ, เงินฝาก