นายกาน คิม ยอง รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า รัฐบาลสิงคโปร์กำหนดเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับประชาชน 75% ของประชากรทั้งหมดภายในเดือนต.ค.นี้ เพื่อให้สามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนการเดินทางได้ เมื่อโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำท้องถิ่นชนิดหนึ่งในอนาคต
“เนื่องจากมีโอกาสสูงมากที่ในอนาคตโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำท้องถิ่นชนิดหนึ่ง การระดมฉีดวัคซีนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเชื้อไวรัสจะยังคงการแพร่ระบาดต่อไป และเราจะได้เห็นสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ เมื่อเชื้อไวรัสกลายพันธุ์”
นายกาน คิม ยอง กล่าว
นายกาน คิม ยองระบุว่า เป้าหมายคือการระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้อย่างน้อย 2 ใน 3 ของประชากรก่อนวันที่ 9 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันชาติสิงคโปร์และจะมีการจัดงานเฉลิมฉลอง โดยวันชาติสิงคโปร์นั้นเป็นวันครบรอบการประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากมาเลเซียของสิงคโปร์เมื่อปี 2508
ข้อมูลจาก Our World In Data ระบุว่า ประชาชนชาวสิงคโปร์เกือบ 37% จากประชากรทั้งหมด 5.6 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ก.ค.) ซึ่งสูงกว่าอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศเพื่อนบ้านที่มีประชากรมากกว่าอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสอยู่ที่ระดับ 8% และ 5% ตามลำดับ
นายกาน คิม ยองกล่าวว่า วัคซีนสามารถจำกัดการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงช่วยลดอาการรุนแรงของโรคโควิด-19 ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลและสถานบริการด้านสุขภาพของสิงคโปร์สามารถรองรับผู้ป่วยได้โดยไม่เกินขีดจำกัด และทำให้สิงคโปร์สามารถอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไปได้
ทั้งนี้ แผนระดมฉีดวัคซีนของสิงคโปร์ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา แต่ในขณะเดียวกันก็มีคลินิกเอกชนบางแห่งได้รับอนุญาตให้ฉีดวัคซีนของซิโนแวคจากจีนให้กับผู้ที่ต้องการได้เช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, Moderna, Pfizer, กาน คิม ยอง, ฉีดวัคซีน, ผ่อนคลายมาตรการ, พรมแดน, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, สิงคโปร์, โควิด-19, โมเดอร์นา, ไฟเซอร์