สหรัฐเตรียมสั่งธนาคารเพิ่มทุนสำรองอีก 20% ตามทิศทางกฎระเบียบทั่วโลก

ราคาหุ้นธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันจันทร์ (5 มิ.ย.) หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐเตรียมออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับธนาคารรายใหญ่ ซึ่งอาจจะรวมถึงการเพิ่มข้อกำหนดการสำรองเงินทุนอีก 20% โดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกในการกำหนดการสำรองเงินทุนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

แหล่งข่าวระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐซึ่งนำโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเปิดเผยกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดมากขึ้นภายในสิ้นเดือนมิ.ย. และคาดว่ากฎระเบียบดังกล่าวซึ่งนำเสนอร่วมกันทั่วโลกนี้ จะเข้าสู่การพิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายโดยคณะกรรมการบาเซิล (Basel Committee) ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคาร และจากนั้นจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2568

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายไมเคิล บาร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายกำกับดูแลของเฟดได้แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อเดือนที่แล้วว่า เฟดจะเปิดเผยแผนการปรับกฎระเบียบด้านเงินทุนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลกในช่วงฤดูร้อนปีนี้ และสร้างความเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลจะใช้นโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นกับธนาคารต่าง ๆ ภายหลังการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB)

นอกจากนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า การจะปรับเพิ่มข้อกำหนดการสำรองเงินทุนในอัตราส่วนเท่าใดนั้น จะขึ้นอยู่กับธุรกิจของธนาคาร โดยธนาคารที่มีธุรกิจเทรดดิงขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะต้องเพิ่มเงินทุนในอัตราสูงที่สุด ส่วนธนาคารหลายแห่ง เช่นมอร์แกน สแตนลีย์ และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ซึ่งต้องพึ่งพารายได้จากค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจบริหารความมั่งคั่งนั้น อาจจะเผชิญกับข้อกำหนดการปรับเพิ่มทุนสำรองจำนวนมากด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มิ.ย. 66)

Tags: , ,