ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า รัฐอีก 6 แห่งในสหรัฐยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในวันศุกร์ (3 ธ.ค.) แต่ก็ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงเป็นภัยคุกคามมากกว่าขณะที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และชาวอเมริกันจะรวมตัวกันในช่วงวันหยุด
รัฐนิวเจอร์ซีย์, แมริแลนด์, มิสซูรี, เนแบรสกา, เพนซิลเวเนีย และยูทาห์ ต่างรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในวันศุกร์ ขณะที่รัฐมิสซูรีกำลังรอการยืนยันจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเกี่ยวกับการติดเชื้อของผู้อยู่อาศัยรายหนึ่งในเซนต์หลุยส์ซึ่งเพิ่งเดินทางภายในสหรัฐ
บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังคงตรวจสอบผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่สามารถแพร่เชื้อได้ในระดับสูง ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ โดยหลักฐานเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไวรัสโอไมครอนอาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่น้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก และกระตุ้นให้หลายประเทศกำหนดข้อจำกัดครั้งใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC เปิดเผยในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เดลตายังคงเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐ
กรมอนามัยของรัฐยูทาห์เปิดเผยในทวิตเตอร์ว่า ตรวจพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนผ่านการเรียงลำดับยีนของตัวอย่างเชื้อโควิด-19 ที่ห้องปฏิบัติการของรัฐ
ส่วนหน่วยงานสาธารณสุขของเนแบรสกาเปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่ยืนยันแล้ว 6 ราย โดยมีเพียง 1 ใน 6 รายที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และไม่มีรายใดจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
นายแลร์รี โฮแกน ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ประกาศการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน 3 รายแรก โดยระบุเสริมว่าไม่มีรายใดในสามรายนี้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนในรัฐเพนซิลเวเนียนั้น พบชายชาวฟิลาเดลเฟียรายหนึ่งอายุราว 30 ขึ้นไปติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน
นายฟิล เมอร์ฟี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นสตรีที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วซึ่งเพิ่งเดินทางไปยังรัฐจอร์เจีย
ทั้งนี้ มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแล้วในรอบ 40 ประเทศทั่วโลกรวมถึงสหรัฐ ซึ่งพบในรัฐแคลิฟอร์เนีย, โคโลราโด, ฮาวาย, มินนิโซตา และนิวยอร์ก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 64)
Tags: COVID-19, สหรัฐ, โควิด-19, โอไมครอน