นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 67 ของสภาพัฒน์ที่คาดวาจะเติบโต 2-3% ยังไม่ได้รวมผลของโครงการดิจิทัล วอลเล็ต แต่หากรวมไทม์ไลน์ของโครงการที่คาดว่าจะเริ่มได้ไตรมาส 4/67 ก็เชื่อว่าการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงคงไม่ได้ออกมาทั้ง 5 แสนล้านบาทในคราวเดียว แต่เป็นการทยอยใช้ ดังนั้น ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวอาจช่วยเสริมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้เติบโตได้เพิ่มขึ้นราว 0.25%
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีการพิจารณาเรื่องของแหล่งเงินที่ต้องดำเนินการอีกหลายส่วน จึงต้องติดตามเป็นช่วงๆไป
ส่วนทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย นายอนุชา กล่าวว่า นโยบายการเงินและนโยบายการคลังต้องไปคู่กัน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเรื่องสำคัญต้องพิจารณาหลายๆ มุม ทั้งเรื่องภายในและภายนอกประเทศ
“อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถ้ามีการปรับต้องดูให้รอบคอบ เพราะไม่งั้นจะกระทบการไหลลงของอัตราแลกเปลี่ยน แม้อัตราแลกเปลี่ยนไหลลงจะเป็นเรื่องดีกับการส่งออก แต่ต้นทุนในประเทศจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานก็ต้องมาดูกันให้ดี” นายดนุชา กล่าว
สิ่งสำคัญควรพิจารณาเรื่องดอกเบี้ยที่ช่วยในกลุ่ม SMEs และภาคครัวเรือนในแง่ของการช่วยลดภาระ แต่ช่วงผ่านมาก็ต้องขอบคุณธนาคารพาณิชย์ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ยังต้องระมัดระวังเพราะหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง การปรับโครงสร้างหนี้เป็นรายๆ ไปต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้หนี้ครัวเรือนไม่เพิ่มสูงขึ้น และควรไปเน้นทำให้ SMEs เข้าถึงแหล่งทุน มีสภาพคล่องดีขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 67)
Tags: ดนุชา พิชยนันท์, ดิจิทัลวอลเล็ต, ลดดอกเบี้ย, สภาพัฒน์, สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ