สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณช่วยเหลืออิสราเอลมูลค่า 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ได้คะแนนเสียงไม่ถึง 2 ใน 3
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 250 ต่อ 180 เสียงเมื่อช่วงเย็นของวันอังคาร (6 ก.พ.) ทำให้ร่างกฎหมายนี้ไม่ผ่านสภาผู้แทนฯ โดยสภาคองเกรสเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในการให้ความช่วยเหลือแก่อิสราเอลในการทำสงครามในฉนวนกาซา เพราะตัวผู้นำประเทศเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เคยขู่จะใช้อำนาจวีโต้ร่างงบประมาณดังกล่าว เนื่องจากขาดเงินทุนช่วยเหลือยูเครน ส่งผลให้สมาชิกพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ลงมติคัดค้าน ในขณะที่กลุ่มหัวก้าวหน้าโจมตีร่างกฎหมายนี้เช่นกัน โดยระบุว่า ขาดเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับชาวปาเลสไตน์
ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำพรรคเดโมแครตประจำสภา และผู้นำคนอื่น ๆ กล่าวในแถลงการณ์ว่า เห็นได้ชัดว่าพวกกลุ่มหัวรุนแรงที่ฝักใฝ่แนวคิด MAGA (Make America Great Again) “ต้องการบ่อนทำลายโอกาสที่ทั้งสองพรรคจะตกลงเรื่องงบประมาณกันได้ เพื่อมุ่งจัดการกับความท้าทายด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐในตะวันออกกลาง ยูเครน ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และทั่วโลก”
นอกจากนี้ นายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “การใช้ประโยชน์จากการมอบความช่วยเหลือแก่อิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลต่อสู้เพื่อความอยู่รอดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตในรัฐสภาควรละอายใจ”
ด้านบรรดานักอนุรักษ์นิยมทางการคลังจากพรรครีพับลิกันก็คัดค้านกฎหมายดังกล่าวด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่มีการตัดงบประมาณส่วนอื่น ๆ ของรัฐบาลเพื่อมาชดเชยเงินก้อนดังกล่าว โดยรวมแล้ว มีสมาชิกพรรคเดโมแครต 166 คน และพรรครีพับลิกัน 14 คน ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.พ. 67)