ศาลสูงสั่งรัฐบาลทรัมป์ ช่วยชายเอลซัลวาดอร์ที่ถูกเนรเทศผิดพลาด กลับเข้าสหรัฐฯ

ศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) กำชับให้รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินการอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ ให้แก่ชายชาวเอลซัลวาดอร์รายหนึ่ง หลังจากรัฐบาลยอมรับว่าได้เนรเทศบุคคลดังกล่าวไปยังเอลซัลวาดอร์ไปด้วยความผิดพลาด

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) ได้เข้าควบคุมตัวกิลมาร์ อเบรโก การ์เซีย เมื่อวันที่ 12 มี.ค. โดยอ้างว่าพบความเชื่อมโยงกับแก๊งอาชญากรรม และได้เนรเทศเขาออกไปเมื่อวันที่ 15 มี.ค.

อเบรโก การ์เซีย ซึ่งพำนักอยู่ในรัฐแมริแลนด์และถือใบอนุญาตทำงานมาตั้งแต่ปี 2562 ได้ร่วมกับครอบครัวยื่นฟ้องคัดค้านคำสั่งเนรเทศของตน

ตามข้อมูลจากทนายความ อเบรโก การ์เซีย ซึ่งสมรสกับพลเมืองอเมริกันและมีบุตรร่วมกันในสหรัฐฯ นั้น ไม่มีประวัติอาชญากรรมแต่อย่างใด ทีมทนายความของการ์เซียยังได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัฐบาลที่ว่าเขาเป็นสมาชิกของแก๊ง MS-13 อีกด้วย

ย้อนไปในปี 2562 ผู้พิพากษาศาลคนเข้าเมืองได้เคยมีคำสั่งให้ความคุ้มครองอเบรโก การ์เซีย จากการถูกเนรเทศกลับเอลซัลวาดอร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เขาอาจถูกปองร้ายจากแก๊งอาชญากรรมที่นั่น อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมแย้งว่า คำสั่งคุ้มครองดังกล่าวสิ้นผลไปแล้ว เพราะรัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศให้แก๊ง MS-13 เป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ แต่กระนั้นก็ยอมรับว่า การเนรเทศอเบรโก การ์เซีย ไปยังเอลซัลวาดอร์ในครั้งนี้ ถือเป็น “ความผิดพลาดทางธุรการ”

ก่อนหน้าจะมีคำตัดสินของศาลฎีกาครั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลแขวง พอลลา ซินิส ได้เคยมีคำวินิจฉัยว่า คำสั่งคุ้มครองปี 2562 ยังคงมีผลสมบูรณ์ และการเนรเทศอเบรโก การ์เซีย ออกไปนั้น น่าจะขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายรัฐบาลกลางและหลักการคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งระบุว่าการควบคุมตัวเขาเป็นการกระทำที่ “ปราศจากหลักกฎหมายรองรับโดยสิ้นเชิง”

คำตัดสินของศาลฎีกาเกิดขึ้นภายหลังจากที่กระทรวงยุติธรรมได้ยื่นเรื่องต่อศาล เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้พิพากษาซินิส ลงวันที่ 4 เม.ย. ที่กำหนดให้รัฐบาลต้อง “อำนวยความสะดวกและดำเนินการให้เกิดผล” ในการนำตัวอเบรโก การ์เซีย กลับคืนมา

ในคำตัดสินกลางซึ่งไม่ได้ระบุชื่อผู้พิพากษา ศาลฎีกาชี้ว่า คำสั่งของศาลแขวงนั้น “เป็นการกำหนดอย่างถูกต้องให้รัฐบาลต้อง ‘อำนวยความสะดวก’ เพื่อให้อเบรโก การ์เซีย ได้รับการปล่อยตัวจากการควบคุมตัวในเอลซัลวาดอร์ และเพื่อให้มั่นใจว่าคดีความของเขาจะได้รับการจัดการเสมือนว่าเขาไม่เคยถูกส่งตัวไปยังเอลซัลวาดอร์อย่างไม่ถูกต้อง”

ศาลฎีกายังได้กล่าวเสริมว่า รัฐบาล “ควรเตรียมพร้อมที่จะชี้แจงข้อมูลเท่าที่สามารถกระทำได้ เกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงแนวโน้มของมาตรการที่จะดำเนินการต่อไป”

อย่างไรก็ตาม แม้ศาลฎีกาจะเห็นพ้องกับฝ่ายอเบรโก การ์เซีย เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้สั่งให้ผู้พิพากษาซินิสทบทวนและชี้แจงในส่วนของคำสั่งที่ให้รัฐบาล “ดำเนินการให้เกิดผล” (effectuate) ในการนำตัวเขากลับมา โดยให้ข้อสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าวควรทำ “โดยคำนึงถึงการให้เกียรติและความเคารพต่ออำนาจของฝ่ายบริหารในการดำเนินกิจการต่างประเทศ” ศาลสูงได้ชี้เป็นนัยว่า ข้อกำหนดดังกล่าวอาจเป็นการก้าวล่วงขอบเขตอำนาจของผู้พิพากษา

ทีมทนายความของกระทรวงยุติธรรมได้โต้แย้งต่อศาลฎีกาว่า การบังคับให้รัฐบาล “ดำเนินการให้เกิดผล” ในการนำตัวบุคคลกลับมา ถือเป็นการก้าวล่วงอำนาจของประธานาธิบดีในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

“สหรัฐอเมริกาไม่ได้มีอำนาจควบคุมเหนือประเทศอธิปไตยอย่างเอลซัลวาดอร์ และไม่สามารถที่จะบีบบังคับให้เอลซัลวาดอร์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ได้” ทีมทนายความของกระทรวงฯ ระบุในคำแถลง

โฆษกกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า คำตัดสินนี้ยอมรับถึง “อำนาจสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียวของประธานาธิบดีในการดำเนินกิจการต่างประเทศ” และเสริมว่า “การที่คำตัดสินชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเคารพที่พึงมีต่อฝ่ายบริหาร ยิ่งตอกย้ำว่าผู้พิพากษาที่กระทำการเชิงรุกเกินขอบเขตอำนาจนั้น ไม่มีเขตอำนาจที่จะเข้ามาก้าวก่ายอำนาจของประธานาธิบดีในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ”

ขณะเดียวกัน ผู้พิพากษาศาลฎีกาสายเสรีนิยม 3 ท่าน ได้ออกความเห็นพ้องกับคำตัดสินหลัก แต่ก็ได้แสดงท่าทีว่า หากเป็นไปได้ พวกเขาเห็นควรปฏิเสธคำร้องของฝ่ายบริหารไปทั้งหมด

“จวบจนวันนี้ รัฐบาลยังไม่สามารถแสดงเหตุผลทางกฎหมายใด ๆ มาสนับสนุนการจับกุมอเบรโก การ์เซีย โดยไม่มีหมายจับ การเนรเทศเขาไปยังเอลซัลวาดอร์ หรือการคุมขังเขาในเรือนจำของเอลซัลวาดอร์ได้เลย” ผู้พิพากษาซอนยา โซโตมายอร์ ระบุ

สืบเนื่องจากคำตัดสินของศาลฎีกา ผู้พิพากษาซินิสจึงได้ออกคำสั่งเพิ่มเติมในช่วงค่ำของวันพฤหัสบดี กำหนดให้สหรัฐฯ ต้อง “ดำเนินการทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้อเบรโก การ์เซีย เดินทางกลับสู่สหรัฐอเมริกาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ผู้พิพากษาซินิสได้นัดไต่สวนในบ่ายวันศุกร์ (11 เม.ย.) ที่เมืองกรีนเบลต์ รัฐแมริแลนด์ โดยระบุว่าเธอคาดหวังให้ตัวแทนรัฐบาลเข้าชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการที่ได้ดำเนินการไป เพื่อช่วยเหลือให้อเบรโก การ์เซีย สามารถเดินทางกลับมาได้

“หลักนิติธรรมยังคงศักดิ์สิทธิ์ ศาลฎีกายืนตามคำสั่งของผู้พิพากษาศาลแขวง ที่รัฐบาลต้องนำตัวกิลมาร์กลับบ้าน บัดนี้ ถึงเวลาที่พวกเขาต้องเลิกถ่วงเวลาและเร่งดำเนินการเสียที” ไซมอน ซานโดวัล-โมเชนเบิร์ก ทนายความผู้แทนของอเบรโก การ์เซีย กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 68)

Tags: , ,