นายแพทย์วิเวค เมอร์ธีย์ ศัลยแพทย์ใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า วัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) อาจช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้
“ขณะที่ยังรอผลการศึกษาโดยตรงเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน J&J ในการต้านไวรัสสายพันธุ์เดลตานั้น เราก็มีความหวัง เพราะวัคซีนของ J&J ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีประสิทธิภาพค่อนข้างดีในการป้องกันอาการป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรวมถึงการเสียชีวิตจากไวรัสโควิดทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่ในตอนนี้”
นายแพทย์เมอร์ธีย์กล่าวให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) ในรายการ “The News with Shepard Smith” ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
ขณะเดียวกัน นายแพทย์เมอร์ธีย์ยังระบุถึงข้อมูลที่ว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเจ็บป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และได้แนะนำให้ประชาชนพิจารณาฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับวัคซีนของ J&J เนื่องจากเป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิดใช้ไวรัสเชื้อเป็นเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ นายแพทย์เมอร์ธีย์ยังให้ความเห็นถึงกรณีที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยืนยันว่า การกำหนดกฎเกณฑ์ในการสวมหน้ากากอนามัยนั้นให้เป็นไปตามการตัดสินใจของรัฐและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในท้องถิ่น โดยเขากล่าวว่า “คำแนะนำของ CDC เป็นแนวทางที่ยืดหยุ่นและเป็นทางเลือก ซึ่งต้องการให้ประชาชนรู้ว่า หากคุณฉีดวัคซีนครบแล้ว ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสหรือแพร่กระจายเชื้อต่อไปนั้นจะอยู่ในระดับต่ำ นี่คือเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมจึงไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยทั้งในและนอกสถานที่เมื่อคุณฉีดวัคซีนครบแล้ว”
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้เรียกร้องให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วยังคงสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคต่อไป เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วนั้นได้ลุกลามไปทั่วโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 64)
Tags: AstraZeneca, COVID-19, Johnson & Johnson, WHO, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, วัคซีนจอห์นสัน, วัคซีนต้านโควิด-19, วิเวค เมอร์ธีย์, ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC), สหรัฐ, องค์การอนามัยโลก, แอสตร้าเซนเนก้า, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา