รัฐมนตรีคลังของศรีลังกาเปิดเผยว่า โรงเรียน ร้านค้า และธุรกิจต่าง ๆ ของศรีลังกาต่างพากันหยุดให้บริการในวันนี้ (6 พ.ค.) เนื่องจากพนักงานทั้งภาครัฐและเอกชนออกมาประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง หลังจากการบริหารที่ผิดพลาดจนก่อให้เกิดวิฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
รัฐมนตรีคลังกล่าวว่า ผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงนโยบายลดหย่อนภาษีของประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของศรีลังกาเหลือเพียง 50 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง อาหาร และยารักษาโรคอย่างยาวนานกว่าหนึ่งเดือนทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรงเป็นระยะ ๆ ส่วนร้านค้าหลายแห่งทั่วประเทศต่างก็ปิดให้บริการ นอกจากนี้ผู้โดยสารรถสาธารณะเองก็ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากผู้ให้บริการรถของเอกชนและรถไฟต่างก็หยุดงานเพื่อเข้าร่วมการประท้วงในครั้งนี้ด้วย
สถานีรถไฟสายหลักในย่านการค้ากรุงโคลัมโบเองก็หยุดให้บริการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งผลให้เหลือเพียงรถโดยสารประจำทางเท่านั้นที่ยังคงให้บริการอยู่ที่สถานีใกล้เคียง
นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์ต่างก็พากันหยุดงานประท้วงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี แผนกฉุกเฉินยังคงให้บริการอยู่ ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยและผู้ชุมนุมอีกกว่าหลายร้อยคนเริ่มปักหลักชุมนุมบนถนนเส้นหลักทางไปรัฐสภากันตั้งแต่เมื่อวานนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 65)