ราคาส่งออกมันฯ ยังพุ่ง พาณิชย์แนะใช้นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าผลผลิต รับดีมานด์ตลาดโลก

กระทรวงพาณิชย์ ชี้แม้มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังช่วง 9 เดือนแรก ปี 66 จะหดตัว แต่ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แนะรัฐบาลเร่งสนับสนุนการพัฒนาและขยายท่อนพันธุ์ทนโรคพืชและแมลง พร้อมทั้งใช้นวัตกรรมชั้นสูงเพิ่มมูลค่าผลผลิต และแปรรูป เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก ตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในตลาดโลกที่ยังสูงขึ้น

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย ในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย. 66) พบว่ามีมูลค่าการส่งออกรวม 2,907.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.30% ซึ่งเกิดจากการปรับตัวลดลงของปริมาณการส่งออก ทั้งนี้ ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 36.69% และถึงแม้มูลค่าการส่งออกจะลดลง แต่ราคาที่เกษตรกรขายได้และราคาส่งออกยังคงปรับตัวสูงขึ้น

โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ดังนี้

– แป้งมันสำปะหลังดิบ มีมูลค่า 1,063.12 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 23.71%

– มันสำปะหลังเส้น มีมูลค่า 1,053.95 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.07%

– แป้งมันสำปะหลังแปรรูป มีมูลค่า 694.80 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.71%

– ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ มีมูลค่า 68.45 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.44%

– มันสำปะหลังอัดเม็ด มีมูลค่า 26.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 41.02%

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ตลาดส่งออกหลัก สำหรับสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทย คือ จีน มีสัดส่วนถึง 65.5% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของไทยไปตลาดโลก ขณะที่ไทยก็เป็นหล่งนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของจีน โดยมีส่วนแบ่งตลาด 69.70% ของมูลค่าการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดของจีน

ส่วนตลาดส่งออกที่สำคัญอื่นๆ ของไทย ได้แก่ ญี่ปุ่น 8.44% ไต้หวัน 3.53% มาเลเซีย 3.27% สหรัฐอเมริกา 2.66% และประเทศอื่นๆ อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย เป็นต้น สัดส่วนรวม 17.05%

จากแดชบอร์ดวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Dashboard) ‘มันสำปะหลัง’ ของเว็บไซต์ คิดค้า.com มีการประเมินช่องว่างโอกาสการขยายมูลค่าการส่งออกของไทย (Potential GAP Analysis) ไปยังตลาดใหม่ๆ โดยพิจารณาจากประเทศที่มีมูลค่าการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังสูง แต่ไทยยังมีส่วนแบ่งตลาดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยส่วนแบ่งตลาดของไทยในโลก โดยประเทศที่ไทยยังมีช่องว่างในการขยายมูลค่าการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ คือ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา มีส่วนต่างเป้าหมายการส่งออกอยู่ที่ 94.06 และ 45.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาด้านการผลิตในปี 67 ผลผลิตมันสำปะหลังได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนต.ค. 66 และจะมีผลผลิตต่อเนื่องไปจนถึงก.ย. 67 ซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.05 ล้านไร่ ลดลง 3.22% (YoY) (ปี 66 มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.35 ล้านไร่) จะมีผลผลิตรวม 27.94 ล้านตัน ลดลง 9.08% (ปี 66 มีผลผลิตรวม 30.73 ล้านตัน) และจะมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 3,088 กิโลกรัม/ไร่ ลดลง 6.05% (ปี 66 มีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 3,287 กิโลกรัม/ไร่) และคาดการณ์ว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 67

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ราคาซื้อขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในประเทศและราคาส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปี 61 จนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ และเอทานอล นอกจากนี้ มันสำปะหลังยังเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์ในทางโภชนาการและสุขภาพ ทำให้แนวโน้มความต้องการมันสำปะหลังในตลาดโลกยังคงขยายตัว

อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมา ผลผลิตมันสำปะหลังของไทยลดลง สวนทางกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมทั้งภายในและต่างประเทศ เนื่องจากมันสำปะหลังของไทยยังคงเผชิญกับโรคใบด่างและศัตรูพืช รวมทั้งการขาดแคลนท่อนพันธุ์ที่ทนต่อโรคพืชและแมลง ประกอบกับผลกระทบจากวิกฤตภัยแล้งในปีนี้ และอุทกภัยในช่วงปี 65 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้พื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตในประเทศลดลง

ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่ทนโรคและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอยู่แล้วแต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ดีมานด์โลกยังพุ่งสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ต้องเร่งส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังที่หลากหลาย ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และเพิ่มโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแปรรูปในตลาดศักยภาพใหม่ๆ ให้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ในฝั่งของผู้ประกอบการไทย ควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและความต้องการในตลาดโลกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาโรคศัตรูพืช ปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวน ภาวะเศรษฐกิจและทิศทางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย อัตราแลกเปลี่ยนที่ยังคงมีความผันผวน รวมทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งและโลจิสติกส์

สำหรับปัจจัยบวก ความกังวลด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ น่าจะเกื้อหนุนให้ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 66)

Tags: , , , ,