ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตั้งแต่น้ำมัน โลหะ ไปจนถึงธัญพืช ต่างปรับตัวลดลงในวันนี้ (6 พ.ย.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ชนะในศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันและถั่วเหลืองปรับตัวลดลงราว 1.5% ขณะที่ทองแดงร่วงลงกว่า 2% ในตลาดเอเชีย จากแรงกดดันหลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
โอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จากแซกโซ แบงก์ (Saxo Bank) กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการตอบสนองเบื้องต้นของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต่อการนับคะแนนเลือกตั้งที่ในเบื้องต้นบ่งชี้ว่าทรัมป์จะเป็นผู้ชนะ”
“หากทรัมป์ได้รับชัยชนะ เราอาจได้เห็นการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าจีน ซึ่งเป็นผลเสียต่อโลหะต่าง ๆ เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคทองแดง แร่เหล็ก และเหล็กกล้ารายใหญ่ ด้านราคาน้ำมันก็ปรับตัวลดลงจากความวิตกกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการเก็บภาษีศุลกากรไม่เป็นผลดีต่ออุปสงค์ทั่วโลกในภาพรวม” แฮนเซนกล่าว
ขณะเดียวกัน อุปทานน้ำมันทั่วโลกอาจเผชิญภาวะชะงักงันครั้งใหญ่ หากรัฐบาลทรัมป์ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรการขนส่งน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งปัจจุบันส่งออกน้ำมันประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ซอล คาโวนิก นักวิเคราะห์พลังงานอาวุโสจากเอ็มเอสที มาร์คี (MST Marquee) กล่าวว่า “ทรัมป์อาจสนับสนุนให้อิสราเอลแสดงท่าทีทางทหารที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นต่ออิหร่าน ซึ่งเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการยกระดับความรุนแรงทางทหารในอนาคตอันใกล้ และอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาค”
ส่วนในภาคเกษตรกรรมนั้น ทางการจีนอาจถูกบีบให้ต้องตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ หากทรัมป์ได้รับชัยชนะและกำหนดภาษีศุลกากรใหม่กับสินค้าจีน
ทั้งนี้ แม้ว่าจีนจะลดการพึ่งพาการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ แล้วก็ตาม แต่ถั่วเหลืองยังคงเป็นสินค้าเกษตรที่สหรัฐฯ ส่งออกไปจีนมากที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 67)
Tags: สหรัฐ, สินค้าโภคภัณฑ์