สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐและรัสเซียต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่า บ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค ขณะที่ชาวอาร์เมเนียหลายพันคนอพยพออกจากภูมิภาคดังกล่าว เนื่องจากกังวลว่าจะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นับตั้งแต่อาเซอร์ไบจานบุกยึดคืนภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัคจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชื้อสายอาร์เมเนียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ว่าอาร์เมเนียจะพึ่งพาความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับรัสเซีย นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศก็เสื่อมถอยลงอย่างรุนแรง หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดฉากบุกโจมตียูเครนเมื่อปี 2565
นายอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ระบุผ่านเทเลแกรมว่า “เราขอเรียกร้องให้สหรัฐงดเว้นคำพูดและการกระทำที่เป็นอันตราย ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มความรู้สึกต่อต้านรัสเซียในอาร์เมเนีย”
ถ้อยแถลงของนายอันโตนอฟนั้นเป็นการตอบโต้คำพูดของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อวันก่อน หลังจากที่อาร์เมเนียกล่าวโทษรัสเซียว่า ไม่ยอมเข้าแทรกแซงการบุกยึดภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัคของกองกำลังอาเซอร์ไบจาน เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ผมคิดว่ารัสเซียได้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่พันธมิตรด้านความมั่นคงที่สามารถพึ่งพาได้” นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุ
รายงานระบุว่า ประชาชนเชื้อสายอาร์เมเนียหลายพันคนได้อพยพออกจากภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัคเมื่อวันจันทร์ (25 ก.ย.) ที่ผ่านมา หลังจากกองกำลังอาร์เมเนียพ่ายแพ้ในปฏิบัติการทางทหารสายฟ้าแลบโดยอาเซอร์ไบจานเมื่อสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ อาร์เซอร์ไบจานให้คำมั่นว่าจะปกป้องสิทธิของชาวอาร์เมเนียประมาณ 120,000 คนที่อยู่ในภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค แต่มีน้อยคนที่ยอมรับคำรับรองดังกล่าว ขณะที่นายนิโคล พาชิเนียน นายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย กล่าวโทษรัสเซียว่า ประสบความล้มเหลวในการรับรองเสถียรภาพของอาร์เมเนีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 66)
Tags: คาราบัค, นากอร์โน, รัสเซีย, สหรัฐ, อนาโตลี อันโตนอฟ, อาเซอร์ไบจาน