รัสเซีย-ยูเครนโต้กันยับ โทษอีกฝ่ายละเมิดดีลหยุดยิงช่วงอีสเตอร์นับพันครั้ง

สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์เพียงวันเดียวสิ้นสุดลง โดยทั้งสองฝ่ายต่างออกมากล่าวหากันว่ามีการโจมตีละเมิดข้อตกลงดังกล่าวนับพันครั้ง ขณะที่ทำเนียบเครมลินยืนยันชัดเจนว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ได้มีคำสั่งให้ขยายเวลาการหยุดยิงในแนวหน้าออกไปแต่อย่างใด

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นแม้ว่าสหรัฐฯ จะแสดงความต้องการให้มีการขยายเวลาหยุดยิง ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ย้ำจุดยืนหลายครั้งว่า ยูเครนพร้อมที่จะพักรบเป็นเวลา 30 วัน

อย่างไรก็ตาม ปธน.ปูติน ผู้ออกคำสั่งหยุดยิงเมื่อวันเสาร์ (19 เม.ย.) จนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (20 เม.ย.) ตามเวลามอสโก ไม่ได้มีคำสั่งเพิ่มเติมในเรื่องนี้

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ยืนยันผ่านสำนักข่าวทาสส์ (TASS) ของทางการรัสเซียว่า “ไม่มีคำสั่งอื่นใด” เกี่ยวกับการขยายเวลาหยุดยิง

แม้บรรยากาศในยูเครนค่อนข้างเงียบสงบในวันอาทิตย์โดยไม่มีสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ แต่เพียงไม่นานหลังเที่ยงคืนเข้าสู่วันจันทร์ (21 เม.ย.) กองทัพอากาศยูเครนก็ต้องประกาศเตือนภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ทันที โดยแจ้งถึงความเสี่ยงจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรน

ปธน.เซเลนสกีเปิดเผยในช่วงเช้าวันจันทร์ว่า กองกำลังยูเครนตรวจพบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจากฝ่ายรัสเซียเกือบ 3,000 ครั้ง พร้อมระบุว่าได้สั่งการให้กองกำลังยูเครนตอบโต้ตามการกระทำของกองทัพรัสเซีย

“เราจะตอบโต้ความเงียบด้วยความเงียบ การโจมตีของเราจะเป็นไปเพื่อป้องกันการโจมตีจากรัสเซีย” ปธน.เซเลนสกีระบุผ่านแอปเทเลแกรม (Telegram) พร้อมเสริมว่า การปะทะและการยิงส่วนใหญ่จากรัสเซียเกิดขึ้นในแนวรบใกล้เมืองปอกร็อวสก์ ทางตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบดุเดือด

ก่อนหน้านี้ในช่วงค่ำวันอาทิตย์ ปธน.เซเลนสกีมองว่า การไม่มีเสียงเตือนภัยทางอากาศเป็นสัญญาณของ “รูปแบบการหยุดยิงที่บรรลุผล” และได้ยื่นข้อเสนอให้รัสเซียยุติการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธต่อเป้าหมายพลเรือนเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ปธน.เซเลนสกีย้ำว่า หากรัสเซียไม่ยอมรับ ก็เท่ากับเป็นการพิสูจน์ว่า รัสเซียต้องการเพียงทำลายชีวิตผู้คนและยืดเยื้อสงครามต่อไป

ในสารเนื่องในวันอีสเตอร์อีกฉบับ ปธน.เซเลนสกีได้ปลุกใจชาวยูเครนไม่ให้สิ้นหวังต่อสันติภาพ โดยกล่าวหน้ามหาวิหารเซนต์โซเฟียในกรุงเคียฟว่า “เรารู้ว่าเรากำลังปกป้องอะไร เรารู้ว่าเรากำลังต่อสู้เพื่ออะไร”

ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็ออกมาโต้กลับอย่างแข็งกร้าว โดยกล่าวหาว่า ยูเครนต่างหากที่เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมากกว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานเสียหายและมีพลเรือนบาดเจ็บล้มตาย รัสเซียอ้างว่ากองกำลังยูเครนยิงใส่ที่มั่นรัสเซีย 444 ครั้ง และใช้โดรนโจมตีกว่า 900 ครั้ง รวมถึงในไครเมียและพื้นที่ชายแดนรัสเซียในแคว้นบรีอันสค์ คุสค์ และเบลโกรอด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 68)

Tags: , ,