รัสเซียถล่มขีปนาวุธใส่พลเรือนที่มารวมตัวกันในเมืองซูมี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน เพื่อร่วมพิธีกรรมในโบสถ์เนื่องในวันปาล์มซันเดย์ (Palm Sunday) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 34 ราย ซึ่งรวมถึงเด็ก 2 ราย และบาดเจ็บ 117 ราย
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า การโจมตีดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้น ณ ใจกลางเมืองซูมี เกิดจากขีปนาวุธพิสัยไกล ขณะที่ขีปนาวุธอีกลูกถูกยิงใส่อาคารมหาวิทยาลัย พร้อมเรียกร้องให้ทั่วโลกตอบสนองอย่างรุนแรงต่อการโจมตีดังกล่าว
“รัสเซียต้องการความหวาดกลัวเช่นนี้ และพยายามยืดเวลาการสู้รบในครั้งนี้ออกไป หากผู้รุกรานไร้แรงกดดัน สันติภาพย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น การพูดคุยไม่เคยยุติขีปนาวุธและระเบิดได้เลย เราต้องปฏิบัติกับรัสเซียเหมือนที่ผู้ก่อการร้ายสมควรได้รับ” เซเลนสกีกล่าว
ขณะเดียวกันทั่วโลกก็ออกมาประณามการโจมตีดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามในการเจรจายุติสงครามที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ โดยคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ประจำยูเครนและรัสเซีย ได้ออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการโจมตีอย่างเฉพาะเจาะจงนี้ ซึ่งเขามองว่า “เป็นการกระทำที่ขัดต่อความเหมาะสมทุกประการ”
อนึ่ง วันปาล์มซันเดย์เป็นการรำลึกถึงการเดินทางเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูตามคำพยากรณ์ ซึ่งเกิดขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลอีสเตอร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 เม.ย. 68)
Tags: ขีปนาวุธพิสัยไกล, ซูมี, ประณาม, พลเรือนเสียชีวิต, ยูเครน, รัสเซีย, วันปาล์มซันเดย์