ผู้นำทางการเมืองของรัฐเคนทักกีและเทนเนสซี เรียกร้องให้มีการควบคุมปืนที่เข้มงวดมากกว่านี้ ซึ่งรวมถึงกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้บุคลที่อยู่ในภาวะวิกฤตเข้าถึงอาวุธปืนได้ หลังจากเกิดเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ 2 ครั้ง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คน 11 ราย ที่เมืองหลุยส์วิลล์และเมืองแนชวิลล์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. พนักงานธนาคารก่อเหตุกราดยิงในสำนักงานที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี ส่งผลให้มีเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 9 ราย และเมื่อวันที่ 27 มี.ค. อดีตนักเรียนก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียนในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี คร่าชีวิต 6 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 9 ขวบ 3 ราย และผู้ใหญ่อีก 3 ราย
ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) ตำรวจเมืองหลุยส์วิลล์กล่าวว่าคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต และได้ปล่อยคลิปวิดีโอจากกล้องติดตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุ ในคลิปเผยให้เห็นคนร้ายซุ่มรออยู่บริเวณล็อบบี้ของธนาคารและยิงปืนใส่พวกเขา โดยเจ้าหน้าที่วัย 26 ปีซึ่งเพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจ ถูกยิงที่ศีรษะ ส่วนเจ้าหน้าที่อีกนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและเข้าไปหลบหลังแนวรั้วต้นไม้จนกระทั่งคนร้ายปรากฏให้เห็น และได้ยิงคนร้ายจนเสียชีวิต
นายบิล ลี ผู้ว่าการรัฐเทนเนสซี เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐหาวิธีการที่ประนีประนอมในการสนับสนุนกฎหมายควบคุมปืนซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้บุคคลที่จัดว่าเป็นภัยคุกคามต่อสังคมหรือตนเอง เข้าถึงอาวุธปืนได้ยากขึ้น
ทั้งนี้ เหตุกราดยิงกลายเป็นเรื่องปกติในสหรัฐไปแล้ว โดยข้อมูลจากรายงานขององค์กร Gun Violence Archive เผยว่า ในปี 2566 มีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นแล้ว 146 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 เม.ย. 66)
Tags: กฎหมายปืน, สหรัฐ, อาวุธปืน