น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยต่อปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึษา โดยพบว่าปัจจุบันมีครูทั่วประเทศประมาณ 9 แสนคน หรือคิดเป็น 80% มีหนี้รวมกัน 1.4 ล้านล้านบาท โดยเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู วงเงิน 8.9 แสนล้านบาท คิดเป็น 64% รองลงมาคือ ธนาคารออมสิน วงเงิน 3.49 แสนล้านบาท คิดเป็น 25% ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน รวมถึงให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เตรียมพร้อมวงเงินปล่อยกู้ให้นักเรียนและนักศึกษาเข้าถึงแหล่งเงินเพื่อใช้ในค่าใช้จ่าย ปีการศึกษา 2564
โดยขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแผนแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบแล้ว ระยะแรกจะดำเนินการ 3 แผนงาน ได้แก่ แผนงานที่ 1.โครงการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ จำนวน 12 แห่ง 4 ภาค ภาคละ 3 แห่ง ทำงานร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทุกแห่ง และส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่จังหวัด ภายในเดือนตุลาคมนี้ และขยายผลการดำเนินไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศที่มีความพร้อม ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป
แผนงานที่ 2.คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เจรจากับสถาบันการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาครูรายที่ถูกฟ้อง พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาของผู้ค้ำประกัน และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 โดยให้มีการดำเนินการแก้ปัญหาร่วมกันในระดับพื้นที่จังหวัดในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างสหกรณ์ออมทรัพย์ครู สถาบันการเงิน และส่วนราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการระดับจังหวัด
และแผนงานที่ 3.การจัดอบรมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางด้านการวางแผนและการสร้างวินัยทางการเงินและการออม โดยมีเป้าหมายอบรม 1 แสนคนต่อปี เริ่มอบรมรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 1-15 ตุลาคม 2564 ผ่านระบบออนไลน์ศูนย์ Deep กระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนี้ ยังมีการถอดบทเรียนการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาจากสหกรณ์ตัวอย่าง 2 แห่ง คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสมุทรปราการ จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกำแพงเพชร จำกัด พบสาระสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้ คือ การปรับลดภาระดอกเบี้ย และการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ให้ต่ำลงไม่เกิน 3% ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สหกรณ์และสถาบันการเงินให้สอดคล้องกับสินเชื่อที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำ 4.5-5% ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เช่น รวมหนี้จากทุกสถาบันการเงินมาไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูหรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครู การปรับโครงสร้างหนี้ครูก่อนเกษียณ อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และลดดอกเบี้ยเงินกู้แก่ครูที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป ตั้งแต่ 0.25-0.50.% เป็นต้น
ส่วนการช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาในเรื่องเงินกู้นั้น กยศ.ได้ขยายกรอบวงเงินการให้กู้ยืม ปีการศึกษา 2564 จากเดิมจำนวน 38,587 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ จำนวน 6.2 แสนราย เป็น 40,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ยืม จำนวน 7 แสนราย เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่างๆ ให้กับนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยขยายเวลายื่นขอกู้ยืมเงินภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.64 นักเรียน นักศึกษาสามารถยื่นกู้ยืมผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือทาง www.studentloan.or.th โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในการทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่
น.ส.รัชดา กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึษาเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างมาก ที่ผ่านมาได้แต่งตั้ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครูอย่างเป็นระบบ ทั้งการลดรายจ่าย เพิ่มการออม และไม่ก่อหนี้เพิ่ม รวมไปถึงการป้องกันไม่ให้ครูรุ่นใหม่ๆ ต้องติดกับดักวงจรการเป็นหนี้ด้วย และในเรื่องเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ขอยืนยันว่ากองทุน กยศ. มีเงินให้กู้ยืมเพียงพอสำหรับนักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาสได้เรียนต่ออย่างแน่นอน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 64)
Tags: กระทรวงศึกษาธิการ, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, รัชดา ธนาดิเรก, หนี้สินครู, แก้ปัญหาหนี้สิน