นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (senior complex) บนพื้นที่ราชพัสดุ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่า กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในการพัฒนา “ที่พักอาศัย ผู้สูงอายุรามา-ธนารักษ์” ซึ่งเป็นการนำพื้นที่ราชพัสดุมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อย ได้มีความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย
สำหรับการดำเนินโครงการศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร เพื่อดูแลผู้สูงวัย เป็นโครงการนำร่อง จัดสร้าง “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” ขณะนี้ยังมีห้องคงเหลือจำนวน 407 ห้อง จากจำนวนห้องทั้งหมด 921 ห้อง หลังจากที่ได้มีการเปิดจองสิทธิไปรอบใหม่แล้วเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ถึง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ใน 3 ระดับราคา ตั้งแต่ระดับราคา 1.82 ล้านบาท มีห้องคงเหลือ 60 ห้อง ระดับราคา 1.99 ล้านบาท มีห้องคงเหลือ 207 ห้อง ส่วนในระดับราคา 2.10 ล้านบาท 23 ห้อง จองเต็มหมดทุกยูนิตแล้ว ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับผู้สูงอายุ และประชาชนที่มีรายได้น้อยที่จองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ โครงการ “ที่พักอาศัย ผู้สูงอายุรามา – ธนารักษ์” ยังมีโรงพยาบาลจักรีนฤบดินทร์ที่อยู่ใกล้เคียง เข้ามามีส่วนสนับสนุนในการดูแลด้านสุขอนามัย รักษาพยาบาลให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องที่เป็นแบบอย่างให้องค์กร ส่วนราชการ และภาคเอกชน สามารถนำรูปแบบไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์
นายสันติ กล่าวว่า การดำเนินโครงการนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากมีพื้นที่ตั้งโครงการมีระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นอยู่ในทำเลปลายสายเส้นรถไฟฟ้าสีเขียว และมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เชื่อมั่นว่าจะมียอดจองเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งทำให้เป็นเมืองต้นแบบ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ หากมีประชาชนที่ต้องการเพิ่ม กรมธนารักษ์ยังสามารถจัดสรรที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในลักษณะได้อีก
“ปัจจุบันที่ดินราชพัสดุประมาณ 12 ล้านไร่ กระจายอยู่ทั่วภูมิภาค ดังนั้นนโยบายรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญในการนำที่ดินของภาครัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประชาชน ทั้งการจัดสรรที่ดินเพื่อทำกิน และสร้างเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน นับเป็นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากจากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ราชพัสดุให้มีศักยภาพ และยังเป็นโครงการนำร่องในการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศอีกด้วย” รมช.คลัง ระบุ
นอกจากนี้ มีแผนในการปรับจำนวนยูนิตและขนาดของพื้นที่ใช้สอยให้ตรงกับความต้องการของตลาด ที่ต้องการเข้ามาพักอาศัยในโครงการดังกล่าว โดยได้มอบให้บริษัทสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด หารือร่วมกับบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ปรับเปลี่ยนออกแบบห้องพักให้ใหญ่ขึ้น โดยการยุบรวมห้องขนาดเล็ก 2 ห้อง เพื่อให้ได้พื้นที่เป็นห้องขนาดใหญ่ 1 ห้อง ขนาด 45-47 ตารางเมตร ซึ่งจะได้พื้นที่ที่เหมาะสมกับที่ผู้สูงอายุจะได้อยู่สะดวกสบายเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันได้ ให้ ธพส. เร่งจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการ ภายหลังจากการถมดินในพื้นที่ โดยกำหนดจุดสร้างถนนคอนกรีตเข้าในโครงการทั้งถนนเมนหลัก และถนนทางเข้าต่างๆ ปรับภูมิทัศน์ กำหนดจุดสร้างซุ้ม สร้างห้องตัวอย่างในแต่ละระดับราคา เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการและรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงแผนการให้บริการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรผ่านรูปแบบอนิเมชั่นออกมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ชมก่อนตัดสินใจ และทำการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านช่องทางต่างๆ เพิ่มขึ้น ผ่านทาง LINE Official , Facebook และเพิ่มสื่อทีวีโดยใช้สื่อของรัฐนำเสนอความคืบหน้าการก่อสร้าง รูปร่างโครงการ ซึ่งจะสร้างการรับรู้ให้สอดคล้องกับพฤติชกรรมของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
นายสันติ กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว แบ่งออกเป็นพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ ประกอบด้วย 3 โซน คือ 1.โซนศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะ ผู้สูงอายุแบบครบวงจร และบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย (Hospice Zone) 2.พื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ ที่ต้องการการพักฟื้น หรือ ฟื้นฟูสุขภาพ (Nursing Home Zone) 3.ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจร และบริบาลผู้ป่วยระยะท้ายและพื้นที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Housing Zone) ซึ่งหากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและผู้สูงอายุและประชาชนให้ได้รับความเป็นอยู่ที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 64)
Tags: กรมธนารักษ์, กระทรวงการคลัง, คณะแพทยศาสตร์, ที่ราชพัสดุ, มหาวิทยาลัยมหิดล, สันติ พร้อมพัฒน์, โรงพยาบาลรามาธิบดี