ผลสำรวจจากภาคเอกชนชี้ว่า จำนวนบ้านที่ถูกยึดในจีนเพิ่มสูงขึ้นในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการผิดนัดชำระหนี้บ้าน ท่ามกลางภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไม่สมดุล
รายงานจาก China Index Academy ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์อิสระระบุว่า ในปี 2567 มีบ้านที่ถูกยึดและนำออกประมูลขายถึง 370,000 หลัง เพิ่มขึ้นจาก 364,000 หลังในปี 2566
แม้ว่าจะมีบ้านถูกยึดและขายออกไปได้ถึง 117,000 หลัง แต่ก็มีมูลค่าการซื้อขายรวมเพียง 1.636 แสนล้านหยวน (2.233 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เมื่อนับรวมการยึดทรัพย์สินทุกประเภท ทั้งอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์, ที่อยู่อาศัย, อุตสาหกรรม, ที่ดิน, โรงจอดรถ และพื้นที่จอดรถ พบว่ามียอดรวม 768,000 หน่วย ลดลงเล็กน้อย 0.9% จากปี 2566
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยยังเผยว่า บ้านที่ถูกยึดส่วนใหญ่อยู่ในเมืองระดับสามและสี่ โดยมีจำนวนรวม 63,871 หลัง รองลงมาคือเมืองระดับสอง 45,997 หลัง และเมืองระดับหนึ่ง 6,994 หลัง
บริษัทดังกล่าวระบุในรายงานอีกฉบับเมื่อปีที่แล้วว่า การยึดทรัพย์สินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 และยังคงเพิ่มสูงขึ้นในปี 2566
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า วิกฤตการณ์อสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลพยายามควบคุมการก่อหนี้ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของผู้บริโภคและการใช้จ่ายในครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายคาดหวังว่า มาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังที่เพิ่งออกมา จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาฟื้นตัวได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ม.ค. 68)
Tags: จีน, ที่อยู่อาศัย, บ้าน, อสังหาริมทรัพย์จีน