ดัชนี Nasdaq 100 ตลาดหุ้นนิวยอร์กทรุดตัวลง 4% ในวันจันทร์ (10 มี.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งเดือนก.ย. 2565 เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้มูลค่าตลาดของดัชนี Nasdaq หายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (6 มี.ค.) ดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี ดิ่งลงกว่า 10% จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ซึ่งเป็นการยืนยันว่าดัชนี Nasdaq ได้เข้าสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) แล้วนับตั้งแต่นั้น
นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินเยนและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น หลังจากนักลงทุนได้ลดการทำ Carry Trade ในสกุลเงินเยน ท่ามกลางความหวังที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
ทั้งนี้ ธุรกรรม Carry Trade คือการที่นักลงทุนกู้ยืมสกุลเงินเยนซึ่งมีต้นทุนต่ำ เพื่อนำไปซื้อสกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งการลดการทำ Carry Trade ได้ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือกลุ่ม “Magnificent Seven”
โทมัส เฮย์ส ประธานบริษัทเกรตฮิล แคปิตอลในนิวยอร์ก กล่าวว่า “ถ้าคุณอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้หยุดสนใจเรื่องกำแพงภาษี และเริ่มหันมาสนใจกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น นักลงทุนกำลังลดการทำธุรกรรม Carry Trade และเงินร้อนทั้งหมดนั้นอยู่ในหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจึงร่วงลง”
หุ้นในกลุ่ม Magnificent Seven ประกอบด้วยหุ้นบริษัทเทสลา (Tesla) อะเมซอน (Amazon) เมตา แพลตฟอร์ม (Meta Platforms) แอปเปิ้ล (Apple) อินวิเดีย (Nvidia) อัลฟาเบท (Alphabet) และไมโครซอฟท์ (Microsoft)
หุ้นเทสลาปิดตลาดร่วงลง 15.43% ในวันจันทร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงไปแล้วถึง 45% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 5.07% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของอินวิเดียลดลงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)
Tags: Nasdaq, NASDAQ- 100, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก, ตลาดหุ้นสหรัฐ