มอร์แกนสแตนลีย์แนะ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” หุ้นอินเดีย ยกเป็นตัวท็อปตลาดเกิดใหม่

มอร์แกน สแตนลีย์ ได้ยกระดับมุมมองความน่าลงทุนของตลาดหุ้นอินเดียสู่ระดับ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (overweight)” จากเดิมที่ให้ “คงน้ำหนักการลงทุน (equal weight)” โดยให้เหตุผลว่ามูลค่าถูกลงเมื่อเทียบกับเดือนต.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ทางมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่าเป็นเทรนด์ขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่

มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุในเอกสารเมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) ว่า ปัจจุบัน อินเดียกลายเป็นตลาดหุ้นที่น่าลงทุนเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ตลาดเกิดใหม่ (EM) โดยพุ่งทะยานขึ้นมาจากอันดับที่ 6 เนื่องจากมีกระแสเงินไหลเข้าจากต่างชาติ มีเสถียรภาพในระดับมหภาค และมีแนวโน้มผลประกอบการเชิงบวก

นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า “เราเล็งเห็นถึงแนวโน้มต่อการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) อย่างต่อเนื่องที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับตลาด EM ในรอบวัฏจักร” และเสริมว่า การที่อินเดียมีคนหนุ่มสาวเป็นประชากรส่วนใหญ่ยังช่วยสนับสนุนการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนในหุ้นอีกด้วย

เมื่อพิจารณาแยกตามภาคธุรกิจ มอร์แกน สแตนลีย์ยังคงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และกลุ่มอุตสาหกรรมในอินเดีย และจัดเรตติ้งให้ “เพิ่ม” ในหุ้นลาร์เซน แอนด์ ทูโบร และหุ้นมารูติ ซูซูกิ อินเดีย จากลิสต์หุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและในลิสต์ตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก

รายงานระบุว่า สถานการณ์ในตลาดอินเดียตรงกันข้ามกับจีนอย่างสิ้นเชิง โดยอินเดียอยู่ในช่วงเริ่มต้นขาขึ้นในระยะยาว ขณะที่จีนอาจเข้าสู่จุดสิ้นสุดช่วงขาขึ้นแล้ว

นักวิเคราะห์กล่าวว่า “เราคิดว่าการปรับอันดับอินเดียขึ้นมาสู่ ‘เพิ่มน้ำหนักการลงทุน’ และลดอันดับจีนลงสู่ระดับ ‘คงน้ำหนักการลงทุน’ นั้นเหมาะสมแล้ว” โดยชี้ว่า ตลาดหุ้นอินเดียทำผลงานได้ดีกว่าจีน อันเป็นสัญญาณถึงความสำเร็จเชิงโครงสร้างที่เป็นผลดีต่ออินเดีย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ส.ค. 66)

Tags: ,