นายไมค์ วิลสัน นักวิเคราะห์ของธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับการปรับฐาน (Correction) ของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเลือกตั้งในสหรัฐ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
“ผมคิดว่ามีโอกาส 10% ที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะเผชิญกับการปรับฐาน โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้นในขณะนี้และในช่วงของการเลือกตั้ง และผมคิดว่าภาวะการซื้อขายในตลาดจะผันผวน”
ดัชนี S&P500 เปิดสัปดาห์นี้ด้วยการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าดัชนีจะสร้างสถิติปิดทำนิวไฮจำนวน 35 ครั้งในปีนี้ โดยการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และกระแสการตอบรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นปัจจัยหนุนดัชนี S&P500 ให้พุ่งขึ้น 17% นับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ หลังจากทะยานขึ้น 24% ในปี 2566
อย่างไรก็ดี มีนักวิเคราะห์จำนวนมากขึ้นในตลาดวอลล์สตรีทที่เริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นในไตรมาส 3 ซึ่งมักเป็นช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะร้อนแรงมากเกินไป โดยนายสก็อตต์ รับเนอร์ นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า เขาคาดว่าตลาดจะอ่อนแอลงในช่วงต้นเดือนส.ค.นี้ หากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาน่าผิดหวัง
ขณะที่นายแอนดรูว์ เทย์เลอร์ นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นน้อยลงว่าตลาดจะยังคงคึกคัก เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงในช่วงที่ผ่านมา และนายสก็อตต์ โครเนิร์ต นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเข้าสู่ภาวะปรับฐาน
“ความเป็นไปได้ที่ตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นนับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้ มีต่ำมาก และต่ำกว่าแนวโน้มปกติ” นายไมค์ วิลสัน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าว
ถึงกระนั้น นายวิลสันมองว่า นักลงทุนไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไปว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับฐานลงจากระดับปัจจุบัน ในทางกลับกัน นักลงทุนควรสร้างโอกาสในการเข้าซื้อในตลาดหุ้น โดยเขาแนะนำว่านักลงทุนควรมุ่งเน้นซื้อหุ้นรายตัว แทนการมุ่งเน้นไปที่ดัชนี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 67)
Tags: ตลาดหุ้นสหรัฐ, มอร์แกน สแตนลีย์, สหรัฐ, เลือกตั้งสหรัฐ