ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุในรายงานเมื่อวันพุธ (7 มิ.ย.) ว่า สงครามชิประหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มบริษัทชิปรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เนื่องจากจีนมีความสำคัญต่อศักยภาพด้านการผลิตของบริษัทชิปของเกาหลีใต้ แต่ภาวะติดขัดดังกล่าวนั้นจะไม่ยืดเยื้อยาวนานนัก
ทั้งนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุว่า ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์และเอสเค ไฮนิกซ์เผชิญกับความเสี่ยง เนื่องจากสหรัฐพยายามสกัดกั้นจีนจากการเข้าถึงอุปกรณ์ชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง
กลุ่มนักวิเคราะห์ของฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งนำโดยนายแมตต์ เจมีสันระบุว่า จีนคิดเป็นสัดส่วน 40% ของศักยภาพการผลิตชิปหน่วยความจำแฟลชแบบไม่เลือนหาย (NAND) ของซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ขณะเดียวกันจีนคิดเป็นสัดส่วน 40-50% ของศักยภาพการผลิตชิปหน่วยความจำที่เข้าถึงโดยการสุ่มแบบพลวัต (DRAM) ของเอสเค ไฮนิกซ์ และ 20% ของศักยภาพการผลิต NAND ของของเอสเค ไฮนิกซ์
“เราไม่คิดว่าจะเกิดภาวะติดขัดด้านอุปทานครั้งใหญ่ในระยะยาว เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีใต้จะกลายมาเป็นฐานหลักที่บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์และเอสเค ไฮนิกซ์จะใช้ในการขยายการลงทุนและยกระดับด้านเทคโนโลยี” ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สหรัฐได้ออกกฎระเบียบครั้งใหญ่ในเดือนต.ค. เพื่อสกัดจีนจากการได้มาหรือการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ไฮเทค เนื่องจากสหรัฐวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถของจีนในการใช้ชิปไฮเทคดังกล่าวในการพัฒนาศักยภาพทางทหาร โดยเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่นก็ได้ดำเนินการตามทิศทางของสหรัฐ
อนึ่ง ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์และเอสเค ไฮนิกซ์เป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วนบริษัทไมครอนจากสหรัฐตามมาเป็นอันดับสาม โดยชิปหน่วยความจำเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 มิ.ย. 66)
Tags: จีน, ชิป, สหรัฐ, เกาหลีใต้, เซมิคอนดักเตอร์