ฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพุธ (20 พ.ย.) ว่า จะปรับลดพนักงานในยุโรป 14% โดยให้เหตุผลว่าบริษัทประสบภาวะขาดทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ซบเซา การขาดการสนับสนุนจากภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านสู่ EV และการแข่งขันจากคู่แข่งจีนที่ได้รับเงินอุดหนุน
ฟอร์ดเผยว่า การปลดพนักงาน 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็นราว 2.3% ของพนักงานทั้งหมด 174,000 คน จะเกิดขึ้นในเยอรมนีและอังกฤษเป็นหลัก โดยฟอร์ดเป็นค่ายรถยนต์ล่าสุดที่ประกาศลดต้นทุน ต่อจากนิสสัน (Nissan) สเตลแลนทิส (Stellantis) และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญความท้าทาย รวมถึงปัญหาราคารถยนต์ไฟฟ้าที่แพงเกินกำลังซื้อของผู้บริโภค
ฟอร์ดระบุว่า การปลดพนักงานจะทยอยเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2570 โดยขึ้นอยู่กับการเจรจากับสหภาพแรงงาน บริษัทจะปลดพนักงานทั้งหมด 2,900 รายในเยอรมนี และ 800 รายในอังกฤษ พร้อมทั้งจะลดกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเอกซ์พลอเรอร์ (Explorer) และคาปรี (Capri) ที่โรงงานในเมืองโคโลญจน์
ปีเตอร์ ก็อดเซลล์ รองประธานฟอร์ดประจำยุโรป แถลงต่อสื่อมวลชนว่า “ฟอร์ดกำลังประสบปัญหาความต้องการรถ EV ที่ซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้ และเรายังคงเผชิญความท้าทายเกี่ยวกับต้นทุนการดำเนินงาน’”
ทั้งนี้ หุ้นของฟอร์ดปรับตัวลดลง 1.8% หลังมีข่าวมาตรการดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะสำหรับเยอรมนี หลังจากโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในยุโรปของเยอรมนี ขู่ว่าจะปิดโรงงาน ลดค่าจ้าง และปลดพนักงานหลายพันตำแหน่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 67)
Tags: ผู้ผลิตรถยนต์, ฟอร์ด, ฟอร์ด มอเตอร์