นายจิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอของฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) กล่าวเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) ว่า บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนคือคู่แข่งหลักในอุตสาหกรรมนี้ แต่ฟอร์ดมีอุปสรรคในการแข่งขันด้านต้นทุนในระดับที่เล็กกว่า
“ผมคิดว่าเรามองว่าจีนคือคู่แข่งรายใหญ่ ไม่ใช่จีเอ็ม (General Motor) หรือโตโยต้า (Toyota) และจีนกำลังจะเป็นมหาอำนาจ” นายฟาร์ลีย์กล่าวในการประชุมสุดยอดด้านการเงินที่ยั่งยืนของมอร์แกน สแตนลีย์
จีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดและครองตลาดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยนายฟาร์ลีย์ชี้ว่า บีวายดี (BYD), จีลี่ (Geely), เกรท วอลล์ (Great Wall), ฉางอัน (Changan) และเอสเอไอซี (SAIC) เป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของจีน
นายฟาร์ลีย์กล่าวว่า การจะเอาชนะผู้ผลิตรถยนต์ของจีนนั้น ฟอร์ดจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ใหม่ให้มีความโดดเด่นซึ่งเขาเชื่อว่ามีทางทำได้ หรือไม่ก็ต้องลดต้นทุน “แต่คุณจะเอาชนะพวกเขาเรื่องราคาได้อย่างไร ในเมื่อขนาดของพวกเขาใหญ่กว่าเราถึง 5 เท่า ยุโรปได้เปิดทางให้ผู้ผลิตรถยนต์ของจีน และตอนนี้พวกเขาขายรถยนต์ได้เป็นจำนวนมากในยุโรป”
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.พ. ฟอร์ดเปิดเผยว่าจะลงทุน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในรัฐมิชิแกน โดยใช้เทคโนโลยีจากซีเอทีแอล (CATL) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจากจีนเพื่อผลิตแบตเตอรีที่มีต้นทุนต่ำ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐยังคงต้องออกกฎเกณฑ์ภายในปีนี้ ซึ่งจะพิจารณาว่าข้อตกลงระหว่างฟอร์ดกับเอสเอไอซีละเมิดกฎเกณฑ์ “บัญชีรายชื่อต่างชาติที่น่ากังวล” หรือไม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลดหย่อนภาษี 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ โดยนายมาร์โก รูบิโอ สมาชิกวุฒิสภารัฐฟลอริดาจากพรรครีพับลิกันได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าวของฟอร์ด
นอกจากนี้ เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา (Tesla) กล่าวถึงผู้ผลิตรถยนต์ของจีนว่า พวกเขาทำงานหนักและทำงานอย่างชาญฉลาดที่สุด ดังนั้นเราจึงคาดเดาได้ว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะมีบริษัทรถยนต์ของจีนบางแห่งที่มีแนวโน้มมากที่สุดว่าจะเป็นรองจากเทสลา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 66)
Tags: ฟอร์ด, รถยนต์ไฟฟ้า