นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “การพัฒนาฝีมือแรงงานไทย เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมในอนาคต” ว่า มีความตั้งใจที่จะผลักดันให้กระทรวงแรงงาน เป็นกระทรวงเศรษฐกิจสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งในปี 2567 แรงงานถูกกฎหมายที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ราว 2.5 แสนล้านบาท หากรวมกับแรงงานที่เดินทางไปผิดกฎหมายจะมีรายได้มากถึง 5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2-3% ของ GDP โดยตั้งเป้าหมายที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 1 ล้านล้านบาท
“ไม่อยากให้กระทรวงแรงงาน เป็นกระทรวงด้านสังคมเหมือนในอดีต เพราะหากสามารถยกระดับทักษะ ความรู้ ความสามารถของแรงงานให้มีคุณภาพ แต่ละปีก็จะสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกแรงงานได้เป็นจำนวนมาก” นายพิพัฒน์ กล่าว
ปัจจุบัน มีแรงงาน 129 อาชีพ ที่ได้รับการพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ จนมีรายได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ โดยบางสาขาได้รับค่าจ้างสูงถึงวันละ 1,000 บาท ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกต่อไป
โดยการพัฒนาฝีมือแรงงานควรมุ่งใน 3 เรื่อง คือ
1. การสร้างแรงงานเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย เพื่อเปิดโอกาสให้คนในวัยเกษียณ สามารถกลับมาทำงานได้ เนื่องจากยังเป็นผู้ที่มีศักยภาพ รวมถึงการเปิดโอกาสให้กับผู้พิการ เช่น กรณีพิการส่วนล่างของร่างกายแต่ยังมีสมองที่ดี
2. การสร้างแรงงานที่มีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม (BCG) ซึ่งจะเป็นจุดขายในอนาคต
3. การสร้างแรงงานที่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังเป็นเรื่องสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ
ยกระดับการค้าไทย เร่งขยายดีล FTA
ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ยกระดับการค้าไทย ยืนหนึ่งในเวทีโลก” ว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำเพียงแค่ 1-2% จากที่ควรจะเป็น 5% แต่หลังจากนี้ จะเป็นการกลับมาเติบโตได้ดี โดยดูจะยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงสุดในรอบ 10 ปี ยอดส่งออกขยายตัวได้เกินคาด แต่สิ่งที่ฉุดรั้งการเติบโตของเรา คือ ปัญหาเรื่องหนี้
“ปีนี้เชื่อว่าจะโตเกิน 3% เราจะพยายามให้ได้ 5% ส่วนการส่งออก น่าจะเกิน 2% อยู่ที่ 2-3%” นายพิชัย กล่าว
ด้านการลงทุนขยายตัวได้เป็นอย่างมาก อนาคตไทยจะเป็นประเทศที่ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) มากที่สุดในโลก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพราะเรามีปริมาณไฟฟ้าสำรองอย่างเหลือเฟือ จากเดิมที่เป็นปัญหากำลังจะกลายมาเป็นโอกาส
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้เตรียมเร่งขยายข้อตกลงเสรีทางการค้า (FTA) เพิ่มเติมตามนโยบายของรัฐบาล โดยในเดือน ก.พ.68 จะเริ่มเดินทางไปเจรจา FTA ไทย-อียู ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายภายในปีนี้ ขณะที่การผลิตสินค้าเกษตรของไทยจะต้องพยายามยกระดับสินค้าให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และสร้างมูลค่าเพิ่ม
พร้อมมองว่า การวางตัวเป็นกลาง ไม่เป็นคู่ขัดแย้ง จะช่วยให้เราสามารถที่จะทำการค้าได้กับทุกประเทศ ตอนนี้กำลังเจรจากับกลุ่มอียูในเรื่องความพร้อมที่ไทยจะเป็นหลักประกันความมั่นคงด้านอาหาร อย่างไรก็ดี จากการที่อินเดียประกาศจะกลับมาส่งออกข้าวนั้น อาจส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกตกลงได้
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์จะบังคับใช้กฎหมายดูแลสินค้าด้อยคุณภาพ ซึ่งในเดือนแรกสามารถลดปริมาณลงไปได้ 27% และ เดือนต่อมาลดลงไปได้อีก 20% นอกจากนี้ ยังจะกวดขันเรื่องการจัดตั้งบริษัทนอมินีอีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 68)
Tags: พิพัฒน์ รัชกิจประการ, แรงงานไทย