นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำส.ส.ก้าวไกล 149 คน เดินทางด้วยรถโดยสารไม่ประจำทางมารายงานตัวอย่างพร้อมเพรียงกันที่รัฐสภา
นายพิธา กล่าวตอบคำถามถึงกรณีส.ว. หลายคนออกมาแสดงจุดยืนไม่โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ไม่กังวล และเท่าที่คุยหลายคนมีหลักและดุลยพินิจในการโหวตเลือกตามบรรทัดฐานที่ส.ว.ที่ทำไว้ปี 2562 ว่า หากสภาล่าง ฝ่ายใดรวมกันได้ 251 เสียง ก็ไม่ต้องการฝืนมติของสภาล่าง เพราะเป็นมติที่มาจากประชาชน ดังนั้นจึงเชื่อว่า ภาพรวม 250 ส.ว. จะเป็นไปตามหลักการและขอให้ส.ว. ยึดหลักการดังกล่าวให้มั่นมากกว่ามองเรื่องตัวบุคคลว่าจะโหวตให้ตนหรือไม่ พร้อมยืนยันว่า จำนวนเสียง ส.ว.มีเพียงพอที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ
ส่วนกรณีการแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่พรรคได้พูดก่อนการเลือกตั้งที่ชัดเจนว่าจะเป็นการทางออกให้กับสังคมไทย เพราะช่วงที่ผ่านมามีการใช้มาตราดังกล่าวเป็นเครื่องมือทางการเมืองรังแกคนเห็นต่าง จึงไม่เป็นผลดีกับสถาบันเลย ตนเชื่อว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่เป็นเหตุให้เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลสะดุด
“มีข้อมูลมีหลายฝ่ายที่ยังเข้าใจผิดเกี่ยว เพราะการแก้ไข คือ การแก้ไข ไม่ใช่การยกเลิก เท่าที่ได้คุยกับวุฒิสภา ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น ว่าการรักษาปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน” นายพิธา กล่าว
นอกจากนี้ นายพิธา ระบุว่า ไม่กังวลใจกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีประเด็นพิจารณาคำร้องเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เพราะเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญกับอัยการสูงสุด การแก้ไขกฎหมายฉบับหนึ่งไม่เท่ากับการล้มล้างการปกครองตามที่กล่าวหา และคิดว่าข้อกล่าวหานี้เกินจริงไปมาก ทั้งนี้ยืนยันว่ามีความตั้งใจที่จะรักษาระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างหนักแน่น และจะไม่เป็นข้ออ้างในการโหวตนายกฯ
“เชื่อว่าไม่เป็นไปอย่างที่เป็นข่าวว่าจะนำเรื่องมาตรา 112 เป็นข้ออ้าง ที่จะไม่ทำมติของสภาฯ ล่าง จึงไม่เป็นประเด็นอะไร” นายพิธา กล่าว
ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ ขอให้รอดูผลประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยในวันที่ 28 มิ.ย.66 ซึ่งจะแถลงเรื่องดังกล่าวหลังประชุมเสร็จ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 66)
Tags: การเมือง, พรรคก้าวไกล, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, รัฐบาล, รัฐสภา, ส.ว., ส.ส.