น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กรุงเทพฯ เพื่อผลักดันการเจรจาให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปภายในปี 2568 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล และนายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่ต้องการเร่งรัดการเจรจา FTA ให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
น.ส.โชติมา กล่าวว่า ผลการเจรจารอบนี้ ในภาพรวมถือว่าเป็นไปด้วยดี โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงรายละเอียดของแต่ละประเด็น พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อเสนอเพิ่มเติมและสร้างความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น โดยการเจรจารอบนี้ ประกอบด้วย การประชุมระดับหัวหน้าคณะ และการประชุมกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 คณะ ได้แก่ 1) การค้าสินค้า 2) กฎถิ่นกำเนิดสินค้า 3) พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 4) มาตรการเยียวยาทางการค้า 5) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) 6) อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) 7) การค้าบริการและการลงทุน 8) การค้าดิจิทัล 9) ทรัพย์สินทางปัญญา 10) การแข่งขันและการอุดหนุน
11) การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 12) การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 13) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) 14) รัฐวิสาหกิจ 15) พลังงานและวัตถุดิบ 16) ระบบอาหารที่ยั่งยืน 17) ความโปร่งใสและหลักปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ 18) การระงับข้อพิพาท และ 19) บทบัญญัติเบื้องต้น บทบัญญัติทั่วไป บทบัญญัติสุดท้าย บทบัญญัติเกี่ยวกับสถาบัน และข้อยกเว้น
สำหรับฝ่ายไทย มีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุมในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการต่างประเทศ กรมศุลกากร กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า กรมฯ เตรียมเชิญผู้มีส่วนได้เสีย เข้าร่วมการประชุมสรุปผลความคืบหน้าการเจรจาครั้งที่ 2 ต่อไป สำหรับการเจรจารอบที่ 3 อียูจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในช่วงเดือนมิ.ย.67 ที่กรุงบรัสเซลส์ และจะเจรจาอีก 1 รอบ ในช่วงเดือนต.ค.67 ที่ประเทศไทย
ทั้งนี้ อียูถือเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย โดยในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและอียู มีมูลค่า 41,582.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 21,838.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 19,743.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ม.ค. 67)
Tags: FTA, กระทรวงพาณิชย์, อียู, โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล