นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ศึกษาอุตสาหกรรมส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับคนไทยได้อย่างแท้จริง ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ โดยผลการศึกษา พบว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้แก่คนไทยอย่างแท้จริงมากที่สุด บ่งชี้จากสัดส่วนของมูลค่าส่งออกที่มาจากบริษัทของคนไทยต่อมูลค่าส่งออกทั้งหมดของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่สูงถึง 73% อีกทั้งมีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศมากถึง 81%
ทั้งนี้ ในปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้กว่า 20,505 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 8 เดือนแรกของปี 2564 สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นมูลค่า 14,047 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ สนค. ได้ทำการวิเคราะห์สถานะของสินค้าไทยในตลาดโลก ภายใต้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม พบว่า สามารถแบ่งกลุ่มสินค้าศักยภาพ ได้เป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก คือ กลุ่มสินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกมาก และการส่งออกมีอัตราขยายตัวดีต่อเนื่อง หรือกลุ่มดาวเด่น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช อาหารสัตว์ เครื่องปรุงรส และสินค้าอาหารจำพวกเส้น
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มสินค้าที่การส่งออกมีอัตราขยายตัวดี แต่ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยในตลาดโลก ซึ่ง สนค. มองว่า เป็นสินค้ากลุ่มเติบโต จึงเป็นโอกาสที่จะผลักดันการส่งออกมากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ โดยภาครัฐอาจสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการรับรู้สินค้าไทยของผู้บริโภคในตลาดส่งออกให้มากขึ้น ได้แก่ เนื้อสัตว์และอาหารปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์นม อาหารปรุงแต่ง ขนมปังและเบเกอรี่ และสิ่งปรุงแต่ง ขนมทำจากน้ำตาล และไอศกรีม
ขณะเดียวกัน มีบางกลุ่มสินค้าที่ สนค. พบว่าการส่งออกของสินค้าไทยมีอัตราขยายตัวลดลง หรือมีอัตราหดตัว เมื่อเทียบกับในอดีตที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้าผัก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สินค้าอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้าน้ำตาล และสินค้าชา ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องลงทุนพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง โดยบางสินค้าอาจมีการอิ่มตัวในตลาดเดิม จำเป็นต้องขยายตลาดใหม่ๆ ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตของการนำเข้า และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
นายรณรงค์ กล่าวเสริมว่า การพัฒนาสินค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้สินค้าไทยยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาด และมีอัตราขยายตัวของการส่งออกที่ดีต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องติดตามเทรนด์ของอาหารและเครื่องดื่มที่เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะพฤติกรรมหลังจากเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่ออาหารและเครื่องดื่มที่ส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดี การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัยจากสารเคมี รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด
“สนค. มองว่า เทรนด์อาหารอนาคต (future food) จะยังคงเป็นกระแสระยะยาว ได้แก่ อาหารออร์แกนิก อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ (functional food and drink) อาหารทางการแพทย์ที่ไม่ใช่ยาและอาหารเสริม อาหารนวัตกรรมใหม่ (novel food) นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสินค้าอาหารที่ รมว.พาณิชย์ ให้นโยบายส่งเสริมการส่งออกไว้ด้วย เนื่องจากมีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมาก และคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติมเข้าสู่ประเทศได้อีกมาก คือ อาหารฮาลาล และอาหารมังสวิรัติ (รวมถึง plant-based food)”
นายรณรงค์ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 64)
Tags: จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, รณรงค์ พูลพิพัฒน์, ส่งออก, สนค., สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า, อุตสาหกรรมอาหาร, เครื่องดื่ม