นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่คดีถึงที่สุดแล้วกว่า 1.2 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายมากกว่า 600 ล้านบาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศคู่ค้าและนักลงทุน พร้อมประสานความร่วมมือเครือข่ายพันธมิตรด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ เอกชนเจ้าของสิทธิ ผู้แทนประเทศคู่ค้าสำคัญ และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน
นายวุฒิไกร กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมศุลกากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตลอดจนภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ ในทรัพย์สินทางปัญญา ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศคู่ค้ายอมรับผลการปฏิบัติงานของไทย ดังปรากฏในรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2566 ที่ได้ชื่นชมต่อพัฒนาการด้านนโยบายและผลการดำเนินการปราบปรามที่เป็นรูปธรรมของไทย
อย่างไรก็ดี ไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดฯ อย่างเข้มข้นต่อไป โดยมุ่งหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าว
นายวุฒิไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีการดำเนินการตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า นักลงทุน และเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่กลับเข้าสู่ท้องตลาดอีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นการปกป้องผู้บริโภคจากอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน
โดยในปีนี้ ของกลางที่นำมาทำลายมีหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง โทรศัพท์มือถือ อะไหล่รถยนต์ สินค้าอาหาร เป็นต้น โดยเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,253,529 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 600 ล้านบาท
นอกเหนือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเจ้าของสิทธิแล้ว ผู้บริโภคถือเป็นอีกแนวร่วมสำคัญ ที่จะมีส่วนช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสมายังกองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4702 หรือสายด่วน 1368
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ส.ค. 66)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, ละเมิดลิขสิทธิ์, วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์, สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์, แบรนด์เนม