พบพิรุธ! “ไชน่า เรลเวย์ 10” อาจเข้าข่ายนอมินี พาณิชย์นัดแถลง 4 เม.ย. พร้อมส่ง DSI สอบเชิงลึก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 โดยระบุว่า จากการลงพื้นที่ของ ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบความผิดปกติหลายประการ เช่น เมื่อไปตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัทฯ ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดรับสายโทรศัพท์หรือกดกริ่งที่อาคาร แต่ไม่มีผู้ใดออกมาเปิด ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ

ทั้งนี้ คณะทำงานที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้ประชุมในวันนี้เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด โดยพบว่ามีสิ่งผิดปกติค่อนข้างมาก และในวันที่ 4 เม.ย. จะนำผลตรวจสอบเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มีตนเป็นประธาน

“มีความผิดปกติค่อนข้างมาก และเครือข่ายของบริษัทนี้ค่อนข้างกว้าง เราจะต้องตรวจสอบให้รอบด้าน นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีการฮั้ว ไม่มีการปกปิด โปร่งใสชัดเจน และจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด โดยจะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายนอมินีสูง หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ทั้งผู้ถือหุ้นคนไทย และต่างชาติ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท” นายพิชัย กล่าว

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ถือหุ้น 10% ของบริษัท ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่กลับมีรถยนต์ใช้งาน ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจาก 10% ของทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท เท่ากับ 100 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ที่ถือหุ้นระดับนี้ควรมีฐานะที่มั่นคง กระทรวงพาณิชย์จึงได้รวบรวมข้อมูลและส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบว่ามีการกระทำผิด จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา

ด้าน นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้กำชับให้คณะทำงานตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 อย่างเข้มงวด โดยวันนี้ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และกรมสรรพากร โดยตั้งเป้าสรุปผลภายใน 7 วัน

โดยเบื้องต้น พบว่ากรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นอีก 13 แห่ง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าบริษัทเหล่านี้รับงานจากที่ใดบ้าง และยังมีการดำเนินกิจการอยู่หรือไม่

“แม้ว่าบริษัทนี้ จะมีผู้ถือหุ้นชาวไทย แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเข้าข่ายนอมินีหรือไม่ จึงได้ประสานกับกรมที่ดิน เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ตั้งบริษัท รวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อกรรมสิทธิ์ที่ดิน” นายนภินทร กล่าว

นายนภินทร ย้ำว่า กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าตรวจสอบบริษัทต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้นของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด พบว่ามีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นหลายแห่ง โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัทนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 61 มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย และจากงบการเงินล่าสุดปี 2567 ระบุว่าประกอบกิจการด้านทรัพยากรมนุษย์และรับเหมาก่อสร้าง

ปัจจุบัน บริษัทมีกรรมการ 2 ราย ได้แก่ นายชวนหลิง จาง และนายโสภณ มีชัย โดยมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นแบ่งเป็น 49% จีน และ 51% ไทย อย่างไรก็ตาม พบว่ามีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นอีก 13 แห่ง ซึ่งอาจเข้าข่ายการฮั้วประมูล และกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยนอมินี และพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง

โดยที่ประชุมคณะทำงาน จึงมีมติให้ตั้งคณะตรวจสอบย่อย 5 ชุด โดยแบ่งเป็น 3 ชุดแรก ตรวจสอบกรณีการเป็นนอมินีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงการใช้แรงงานผิดกฎหมาย และคุณภาพสินค้า อีก 2 ชุด ลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง และการถือครองที่ดินของบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ การตรวจสอบจะดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมุ่งเน้นหาหลักฐานเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 เม.ย. 68)

Tags: , , , , , , ,