โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือไม่ได้เกิดขึ้นจากในพื้นที่ แต่มาจากฝุ่นควันข้ามพรมแดน เพราะภายหลังการทำงานอย่างหนักของทุกภาคส่วนช่วยให้จุด hot spot น้อยลงกว่าปีที่แล้วมาก
“สถานการณ์ PM 2.5 ในภาคเหนือล่าสุดพบว่าจุดกำเนิดของจำนวน hot spot ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากประเทศไทย โดยมีจำนวน hot spot ในเมียนมากว่า 7,600 จุด ในลาวกว่า 5,000 จุด ในไทยราว 1,600 จุด จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปัญหา PM 2.5 ในปัจจุบันมีสาเหตุหลักมาจากฝุ่นควันข้ามพรมแดน”
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
กรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ตัดสินใจดำเนินการตามขั้นของแผนการจัดการปัญหาวิกฤตมลภาวะทางอากาศด้วยการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉินอัคคีภัยไฟป่า รวม 5 อำเภอ โดยมุ่งเป้าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในบางตำบลภายในเขต 5 อำเภอที่ส่วนใหญ่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น เพื่อเร่งเปิดทางให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ด้านสาธารณสุขสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้โดยเร็วที่สุด
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมแรงร่วมใจกันป้องกัน กำกับ และควบคุมสาเหตุต้นทางได้อย่างดีเยี่ยม เป็นไปตามแนวทางที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้มอบนโยบายให้ไว้อย่างเคร่งครัดเสมอมา
“การดำเนินการของผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เป็นไปตามขั้นของแผนการจัดการปัญหาฯ ของรัฐบาลซึ่งได้เตรียมการไว้ เชื่อมั่นว่าจะทำให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์อย่างรวดเร็ว ความช่วยเหลือถึงพื้นที่อย่างมุ่งเป้าโดยเร็วที่สุด” นายชัย กล่าว
ทั้งนี้ เว็บไซต์ IQAir ได้รายงานคุณภาพอากาศของทั่วโลก เวลา 14.20 น. พบเชียงใหม่มีค่า AQI อยู่ที่ 174 อยู่ในระดับสีแดง (AQI = 151-200) หรือมีผลกระทบต่อทุกคน โดยมีระดับมลพิษสูงสุดในโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 เม.ย. 67)
Tags: PM2.5, ฝุ่น PM2.5, เชียงใหม่