หน่วยงานด้านสาธารณสุขแห่งชาติของฝรั่งเศส (HAS) ได้แนะนำให้ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ แทนการฉีดวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว วัคซีนของโมเดอร์นามีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาโรคหัวใจมากกว่าวัคซีนของไฟเซอร์
ทั้งนี้ HAS ซึ่งไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการสั่งห้ามหรือออกใบอนุญาตการใช้ยา แต่ทำหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษาด้านสุขภาพของฝรั่งเศสนั้นระบุว่า ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโมเดอร์นาที่มีการเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ และผลการศึกษาในฝรั่งเศสซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า วัคซีนของโมเดอร์นามีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) ซึ่งเป็นกรณีที่พบไม่บ่อยนัก
“สำหรับประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีนั้น วัคซีน Comirnaty ของบริษัทไฟเซอร์มีความเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวัคซีน Spikevax ของบริษัทโมเดอร์นา” HAS ระบุในรายงานการแสดงความเห็นซึ่งมีการตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
การให้คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้น หลังจากหน่วยงานด้านกำกับดูแลของหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงแคนาดา ฟินแลนด์ และสวีเดน ได้ออกคำเตือนว่า วัคซีน Spikevax ของบริษัทโมเดอร์นา มีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจในกลุ่มประชาชนที่มีอายุน้อย
ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) ได้อนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ของโมเดอร์นาให้กับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนโดสที่สองแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
ในช่วงต้นปีนี้ EMA ได้พบความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างภาวะหัวใจอักเสบกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากของทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา
อย่างไรก็ดี EMA ระบุว่า ประโยชน์ของวัคซีนชนิด mRNA ในการป้องกันโรคโควิด-19 นั้น ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยง ซึ่งความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐและองค์การอนามัยโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 64)
Tags: COVID-19, EMA, Moderna, Pfizer, Spikevax, ฉีดวัคซีนโควิด, ฝรั่งเศส, วัคซีนต้านโควิด-19, องค์การยาแห่งยุโรป, โควิด-19, โมเดอร์นา, ไฟเซอร์