ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวฝรั่งเศสเริ่มออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไปรอบแรกแล้วในวันนี้ (30 มิ.ย.) ซึ่งอาจนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลขวาจัดชุดแรกของฝรั่งเศสนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสหภาพยุโรป (EU)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส สร้างความประหลาดใจให้ทั้งประเทศด้วยการประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสใหม่แบบสายฟ้าแลบ หลังจากพรรคพันธมิตรสายกลางของเขาพ่ายแพ้ให้กับพรรคเนชั่นแนล แรลลี (National Rally) หรือ RN ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปในวันเดียวกัน
สำหรับการเลือกตั้งในรอบแรก หน่วยเลือกตั้งในจะเปิดให้ลงคะแนนเสียงเวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย และปิดในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ในเมืองเล็ก ส่วนในเมืองใหญ่ จะเปิดให้ลงคะแนนจนถึง 23.00 น.ตามเวลาไทย โดยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหน้าคูหาเลือกตั้ง หรือ เอ็กซิตโพล (Exit Poll) คาดว่าจะออกมาหลังปิดหีบเลือกตั้ง ขณะที่การเลือกตั้งรอบสอง ซึ่งเป็นรอบชี้ขาดจะมีขึ้นในวันที่ 7 ก.ค.
อย่างไรก็ตาม ระบบการเลือกตั้งดังกล่าวส่งผลให้การคาดการณ์ 577 ที่นั่งในรัฐสภาเป็นไปอย่างยากลำบาก และจะไม่สามารถทราบผลการเลือกตั้งขั้นสุดท้ายจนกว่าจะสิ้นสุดการลงคะแนนเสียงในวันที่ 7 ก.ค.
“เราจะชนะเสียงข้างมากอย่างแน่นอน” นางมารีน เลอ เปน กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เมื่อวันพุธ (26 มิ.ย.) และคาดการณ์ว่า นายจอร์แดน บาร์เดลลา บุตรบุญธรรมของเธอ วัย 28 ปี จะได้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
รายงานระบุว่า พรรคเนชั่นแนล แรลลี ของนางเลอ เปน ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านสหภาพยุโรป (EU) และต่อต้านผู้อพยพ ชูการดำเนินนโยบายประชานิยมที่มีการใช้จ่ายทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเพิ่มหนี้สาธารณะมากขึ้นไปอีก
หากพรรคเนชั่นแนล แรลลี ชนะเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ ฝรั่งเศสอาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นหลายแห่งเผยให้เห็นว่า พรรคเนชั่นแนล แรลลี จะเป็นผู้นำในการเลือกตั้งรัฐสภาฝรั่งเศส ด้วยคะแนนเสียง 33-36% ตามด้วยกลุ่มแนวร่วมประชาชนใหม่ (NPF) ฝ่ายซ้ายอยู่ในอันดับที่ 2 ด้วยคะแนนเสียง 28-31% และพันธมิตรฝ่ายกลางของปธน.มาครง อยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 20-23%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 67)