นักเศรษฐศาสตร์การเกษตรและผู้บริหารในอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ราคาสินค้าในสหรัฐฯ เช่น อโวคาโด สตรอว์เบอร์รี รวมถึงผักและผลไม้สดอื่น ๆ อาจปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า และผู้บริโภคอาจเผชิญกับภาวะขาดแคลนสินค้า หากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินการตามแผนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทรัมป์ซึ่งมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งวันที่ 20 ม.ค. ประกาศเมื่อคืนวันจันทร์ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก จนกว่าทั้งสองประเทศจะจัดการปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล และแก้ปัญหาการลักลอบข้ามพรมแดนให้ได้ผล
แลนซ์ จังเมเยอร์ ประธานสมาคมผู้ค้าผักและผลไม้สดแห่งสหรัฐฯ (FPAA) กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันจะเผชิญกับผลกระทบทั้งที่ร้านขายของชำและร้านอาหาร โดยจะพบปัญหาสินค้าขาดตลาด
ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและศุลกากรสหรัฐฯ เม็กซิโกและแคนาดาเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุด 2 อันดับแรกของสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรรวมกันสูงถึงเกือบ 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
ส่วนเม็กซิโกเป็นแหล่งนำเข้าผักประมาณ 2 ใน 3 และผลไม้และถั่วครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอโวคาโดที่นำเข้าจากเม็กซิโกถึงเกือบ 90% น้ำส้มคั้นราว 35% และสตรอว์เบอร์รี 20%
ข้อมูลการค้าของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า ยอดการส่งออกอโวคาโดไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงถึง 48% นับตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากผู้บริโภคนิยมนำไปใส่ในสลัดและแซนด์วิชมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ พบว่าตลาดสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของการส่งออกอโวคาโดทั้งหมดของเม็กซิโก โดยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ย. 67)
Tags: ขึ้นภาษี, ทรัมป์, ผลไม้, ผัก, สหรัฐ