สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดน (CBP) ของสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อมูลสถิติเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) โดยระบุว่า จำนวนผู้อพยพที่ถูกจับกุมโดยหน่วยลาดตระเวนชายแดนของสหรัฐฯ หลังเดินทางจากแคนาดาเข้าสู่สหรัฐฯ นั้น ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2565 ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
หน่วยลาดตระเวนชายแดนของสหรัฐฯ จับกุมผู้อพยพได้ 481 คนบริเวณชายแดนแคนาดา-สหรัฐฯ ในเดือนก.พ. ลดลงจาก 616 คนในเดือนม.ค. และ 3,601 คนในเดือนมิ.ย. 2567 ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การลดลงนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีบังคับใช้ข้อตกลงทวิภาคีระหว่างสองประเทศ ซึ่งทั้งแคนาดาและสหรัฐฯ จะส่งตัวผู้ขอลี้ภัยที่พยายามข้ามพรมแดนกลับประเทศต้นทาง
รายงานระบุว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของแคนาดามีอำนาจจำกัดในการควบคุมผู้อพยพที่ข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ แต่แคนาดาพยายามเพิ่มความเข้มงวดในการออกวีซ่า เนื่องจากเผชิญแรงกดดันในการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างเหตุผลเรื่องผู้อพยพและการลักลอบขนเฟนทานิลเป็นข้ออ้างในการเรียกเก็บภาษีศุลกากร
นอกจากนี้ แคนาดาประกาศแผนงบประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์แคนาดาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงชายแดนและแต่งตั้งผู้ดูแลปัญหาเฟนทานิล ขณะที่ปธน.ทรัมป์ยังคงเรียกเก็บภาษีศุลกากรและข่มขู่ซ้ำ ๆ ว่า จะผนวกแคนาดาโดยใช้กำลัง
ส่วนชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ ที่ติดกับเม็กซิโก จำนวนผู้อพยพที่ถูกจับกุมในเดือนก.พ. ก็อยู่ในระดับหรือใกล้เคียงระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 68)
Tags: ผู้อพยพ, ลาดตระเวน, สหรัฐ, แคนาดา