ผู้ป่วยไข้เลือดออกพุ่ง 2.7 หมื่นราย สธ.เตือนป่วยซ้ำได้ อาการอาจรุนแรงขึ้น

กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง พบผู้ป่วยแล้ว 2.7 หมื่นราย สูงกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า เสียชีวิต 23 ราย ผู้ป่วยเริ่มสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปี เตือนแม้เคยป่วยแล้ว ยังป่วยอีกได้ และอาการอาจรุนแรงมากขึ้น ควรป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดดีที่สุด

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ว่า กรมควบคุมโรค ได้รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออก พบว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยในปี 66 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1-25 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสม 27,377 ราย อัตราป่วยคิดเป็น 41.37 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 23 ราย อัตราป่วยตาย 0.08%

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบผู้ป่วย 9,736 ราย อัตราป่วย 17.46 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 7 ราย อัตราป่วยตาย 0.09% ดังนั้น จำนวนผู้ป่วยปี 66 สูงกว่าถึง 3 เท่า และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียชีวิตสะสม พบทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีความเชื่อว่าเมื่อเคยป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว หากป่วยอีกอาการจะไม่รุนแรงนั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากเชื้อไวรัสเดงกี่ที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละปีสายพันธุ์ที่ระบาดอาจแตกต่างกัน การติดเชื้อครั้งแรกอาการอาจจะไม่รุนแรงมากนัก แต่การติดเชื้อครั้งที่ 2 อาจมีอาการรุนแรงขึ้นในทุกสายพันธุ์ โดยเฉพาะหากเป็นการติดเชื้อคนละสายพันธุ์กับครั้งแรก

ส่วนวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ขณะนี้ยังไม่ได้นำมาใช้ในการป้องกันโรคเป็นหลัก แม้ในการทดลองจะได้ผลดีในบางสายพันธุ์ ซึ่งเมื่อฉีดวัคซีนในบางคนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว จะเหมือนเป็นการติดเชื้อครั้งที่ 2 หรือคนที่ไม่เคยเป็นไข้เลือดออกแล้วฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อไข้เลือดออก อาจจะทำให้อาการรุนแรง

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด ร่วมกับการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย โดยได้กำชับให้ทุกเขตสุขภาพกำกับติดตามการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่พบผู้ป่วยไข้เลือดออก ผู้ป่วยเสียชีวิตและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานได้แจ้งผ่านกระทรวงมหาดไทย ให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในชุมชน วัด ศาสนสถาน ซึ่งพบค่าดัชนีลูกน้ำยุงลายสูง และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สนับสนุนทรัพยากร

สำหรับประชาชน ขอให้ใช้มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค คือ 1. เก็บบ้านให้ปลอดโปร่ง เพื่อไม่ให้ยุงลายพักอาศัย 2. เก็บขยะและเศษภาชนะที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และ 3. เก็บน้ำให้มิดชิด ปิดฝาภาชนะ หรือเปลี่ยนน้ำทุก 7 วัน หรือปล่อยปลากินลูกน้ำ หรือใส่ทรายฆ่าลูกน้ำยุงลาย

ทั้งนี้ สามารถป้องกันได้ 3 โรค ทั้ง 1. ไข้เลือดออก 2. ไข้ปวดข้อยุงลาย และ 3. ไข้ซิกา รวมทั้งป้องกันการถูกยุงกัด ด้วยการสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด นอนในมุ้ง ใช้ยาจุดกันยุง หรือทายาป้องกันยุง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 66)

Tags: , , ,