ผู้บริโภครับกรรม! กสทช.ล้มเหลวกำกับควบรวมทรู-ดีแทค และ AIS-3BB เอื้อผูกขาด

นักวิชาการสะท้อนปัญหาหลังควบรวมกิจการทรู-ดีแทค และ AIS-3BB ในช่วง 2 ปี ที่ผู้บริโภคต้องรับค่าบริการแพงขึ้นแต่ได้คุณภาพมีปัญหา และบทบาทคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการกำกับดูแล ไม่มีการตรวจสอบหลังควบรวม

สภาผู้บริโภค เปิดเวทีเสวนา “ควบรวมโทรคมนาคม: ผลประโยชน์หรือภาระของผู้บริโภค?” เพื่อสะท้อนปัญหาที่แท้จริง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข โดยหากยังปล่อยให้ตลาดถูกผูกขาดแบบนี้ อนาคตของผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ได้บริการที่ถดถอยลงเรื่อย ๆ

นายพรเทพ เบญญาอภิกุล ผู้อำนวยการเศรษฐศาสตร์บันฑิต หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การควบรวมธุรกิจมักเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ประกอบการเนื่องจากช่วยลดต้นทุน เพิ่มขนาดธุรกิจ และเสริมศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรม แต่สิ่งที่เป็นข้อดีต่อผู้ให้บริการกลับอาจเป็นข้อเสียต่อผู้บริโภค เนื่องจากการควบรวมทำให้บริษัทมีอำนาจในตลาดมากขึ้น สามารถกำหนดราคาค่าบริการและเงื่อนไขที่อาจสร้างภาระให้กับผู้ใช้บริการ

“งานศึกษาหลายฉบับที่ กสทช. จัดจ้างวิจัยหรือศึกษา ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ให้เห็นว่าการควบรวมกิจการโทรคมนาคมมีแนวโน้มส่งผลเสียต่อการแข่งขันและผู้บริโภคมากกว่าผลบวกแม้จะมีการกล่าวอ้างว่าเกิดนวัตกรรมหรือประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่หลักฐานที่เป็นรูปธรรมยังมีไม่มาก ขณะที่อัตรากำไรของบริษัทกลับเพิ่มสูงขึ้น” พรเทพ กล่าว

ผู้อำนวยการเศรษฐศาสตร์บันฑิตฯ ระบุว่า ประเทศไทยเลือกใช้แนวทางที่เอื้อให้กลุ่มทุนขยายตัวโดยไม่มีคู่แข่ง ซึ่งนำไปสู่ภาวะตลาดกระจุกตัวและการแข่งขันที่ลดลง

แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง กสทช. ควรจะมีบทบาทในการสร้างสมดุลระหว่างข้อดีและข้อเสียของการควบรวมธุรกิจผ่านมาตรการเยียวยา เช่น การบังคับลดราคาค่าบริการ แต่กลับพบว่าแม้จะมีการประกาศลดราคาผู้บริโภคกลับไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน คุณภาพการให้บริการก็ลดลง โดยเฉพาะปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ถูกร้องเรียนมากขึ้น

อีกประเด็นที่น่ากังวลคือ ผู้ประกอบการขอแก้ไขเงื่อนไขเยียวยาหลังการควบรวม แต่ผู้บริโภคกลับไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนว่าการแก้ไขดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาหรือสร้างภาระเพิ่มเติม กสทช. กำลังพิจารณาเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีเหตุผลที่แน่ชัดว่าทำไมจึงต้องแก้ไขเงื่อนไขแทนที่จะบังคับใช้มาตรการเดิมอย่างเข้มงวด

“แนวทางที่เกิดขึ้นกำลังส่งสัญญาณว่า ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าไปก่อน แล้วจึงค่อยมาขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในภายหลัง สะท้อนถึงความอ่อนแอของมาตรการกำกับดูแลที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง และไม่ได้ช่วยให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม” นายพรเทพ กล่าว

นายพรเทพ มองว่า ตลาดโทรคมนาคมในไทยอยู่ในภาวะอิ่มตัว และมีโครงสร้างที่กระจุกตัวมากขึ้น ทำให้การเปิดทางให้ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่งขันเป็นเรื่องยาก

อย่างไรก็ตาม การรักษาสภาพการแข่งขันเดิมให้ได้มากที่สุดเป็นสิ่งจำเป็นเป็นทางเลือกที่หนึ่ง (First-Best Solution) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำนวนผู้ให้บริการลดลงจากสามรายเหลือเพียงสองราย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ยากจะแก้ไขกลับไปสู่สภาพเดิม ในเมื่อการเพิ่มผู้ให้บริการรายใหม่ทำได้ยาก

ส่วนทางเลือกที่สอง (Second-Best Solution) อาจทำได้โดยการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับดูแล เช่น การจัดสรรคลื่นความถี่ที่เป็นธรรม การบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และการสนับสนุนให้ MVNO (Mobile Virtual Network Operator) หรือผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือนเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคยังคงมีทางเลือกและสามารถเข้าถึงบริการในราคาที่เป็นธรรม

รื้อควบรวม เพื่อคืนการแข่งขันให้ตลาด

นายกนกนัย ถาวรพาณิชย์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เมื่อการแข่งขันในตลาดถูกจำกัด มีเพียงเจ้าของธุรกิจและผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ขณะที่ผู้บริโภคต้องเผชิญกับทางเลือกที่น้อยลง ค่าบริการที่สูงขึ้น และคุณภาพที่ไม่ได้พัฒนาตามที่คาดหวัง

แม้ว่ากฎหมายการแข่งขันทางการค้าจะเปิดช่องให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตีความ ตรวจสอบ และห้ามการควบรวมได้ แต่ในกรณีของกสทช. กลับเลือกที่จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานกฤษฎีกาเพื่อสอบถามว่าตนเองมีอำนาจดำเนินการหรือไม่ โดยกฤษฎีกาอธิบายว่าประกาศของ กสทช. ปี 2561 กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องรายงานล่วงหน้าแทนที่การขออนุญาตแบบที่เคยกำหนดไว้ในปี 2553 ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้วและให้ทำรายงานแจ้งว่าจะมีการควบรวมกิจการ ผลที่ตามมาคือ คณะกรรมการ กสทช. ที่เป็นเสียงข้างมากที่อนุญาตให้ควบรวมกิจการมองว่าตนเองมีเพียงอำนาจรับทราบ แต่ไม่มีอำนาจสั่งห้าม ทั้งที่ในความเป็นจริงหน่วยงานกำกับดูแลสามารถกำหนดมาตรการเยียวยาและสั่งห้ามได้ หากเห็นว่าการควบรวมจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันและผู้บริโภค

โดยได้ยกตัวอย่างแนวทางการกำกับดูแลในต่างประเทศ เช่น อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ที่ระบุว่า มาตรการเยียวยาต้องรวมถึงทางเลือกในการห้ามควบรวม หากมีความจำเป็นโดยในอังกฤษ มีกฎหมายที่กำหนดให้การห้ามควบรวมเป็นหนึ่งในมาตรการเยียวยาที่สามารถใช้ได้ ขณะที่ใน EU หากพบว่าผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตามมาตรการเยียวยา หน่วยงานกำกับสามารถดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด

“ในไทยนั้น การควบรวมกิจการเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่การบังคับใช้มาตรการเยียวยายังล่าช้า กสทช. ไม่ได้เร่งตรวจสอบว่าผู้ให้บริการปฏิบัติตามเงื่อนไขจริงหรือไม่ ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงได้รับผลกระทบจากค่าบริการที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพเครือข่ายที่ไม่ได้พัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น” นายกนกนัย ตั้งข้อสังเกต

จี้คืนอำนาจตรวจสอบ กสทช. ให้ประชาชน

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค ระบุว่า ในยุคที่กลไกรัฐมีข้อจำกัดมากขึ้น บทบาทของภาคประชาชนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจสอบและผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของภาครัฐ อย่าง กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลโทรคมนาคม แต่กลับเผชิญปัญหาด้านความโปร่งใส กลไกตรวจสอบที่อ่อนแอลง และการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่อาจส่งผลเสียต่อการแข่งขันและสิทธิของประชาชน

การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ กสทช. เช่น การปรับเกณฑ์อายุกรรมการ หรือการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการพ้นจากตำแหน่ง อาจทำให้การคัดเลือกบุคคลเข้ามาทำหน้าที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการกำกับดูแล ภาคประชาชนจึงต้องมีบทบาทในการติดตาม ตรวจสอบ และเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปที่แท้จริง เพื่อรักษาความโปร่งใสและความเป็นธรรมในระบบโทรคมนาคมและสื่อสารของประเทศ

“รัฐบาลควรจะมีวิสัยทัศน์ส่งเสริมรัฐวิสาหกิจ แต่ดูเหมือนจะเป็นกับเป็นมิตรกับเอกชน จนละเลยรัฐวิสาหกิจ ทำให้ไม่สามารถจะเป็นคู่แข่งกับเอกชนได้ เพราะตัวเองก็อาจไม่รอด” น.ส.สุภิญญา ระบุ

พร้อมกันนี้ ได้หยิบยกกรณีการฟ้องร้องนางพิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ซึ่งแสดงจุดยืนคัดค้านการควบรวม รวมถึงการทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคมาโดยตลอด

“หากเสียงของกรรมการที่พยายามคุ้มครองผู้บริโภคถูกทำให้เงียบลง เท่ากับว่าโอกาสที่เราจะมีมาตรการกำกับที่เป็นธรรมก็ลดลงไปอีก” ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสารฯ สภาผู้บริโภค ระบุ

ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า ภาคประชาชนเตรียมเดินหน้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการตรวจสอบบทบาทของ กสทช. และเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่ออนาคตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 68)

Tags: , , , , , , ,