นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยถึงราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงว่าไม่ทราบสาเหตุ แต่มองว่าการที่ราคาปรับลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ ย้ำผู้บริหารไม่มีการขายหุ้นออกไป แต่จะเดินหน้าทำงานต่อไป โดยคงเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
รายได้หลักในปีนี้ยังมาจากธุรกิจบริหารหนี้ ซึ่งในไตรมาส 1/67 ซื้อหนี้มาบริหารแล้ว 29.04 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนไปประมาณ 8.4 ล้านบาท และคาดว่าจะซื้อหนี้จำนวนมากในไตรมาส 3/67-ไตรมาส 4/67 หนุนให้การซื้อหนี้เสียในปี 67 เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาทตามเป้าใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท
“ในไตรมาส 1/67 มีหนี้เสียออกมาประมูล 63,052 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังประมูลได้ไม่เล็กน้อย ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 3/67 และไตรมาส 4/67 น่าจะซื้อได้มากขึ้นและมีหนี้เสียออกมาประมูลมากขึ้นด้วย คิดว่าปีนี้ยังยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายทั้งการซื้อหนี้เสียและการปล่อยสินเชื่อ”
ในปีนี้คาดว่าธนาคารพาณิชย์จะยังมีการนำหนี้เสียออกมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง แต่บริษัทคาดว่าทั้งปี 2567 จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพที่สถาบันการเงินจะทยอยเปิดประมูลปีนี้จะลดลงหรือใกล้เคียงกับปีก่อน ที่ออกมาขายมากกว่า 400,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ต้องจับตาดูสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและมาตรการต่างๆ ที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้อย่างน้อย 1 ครั้งก่อนการขายลูกหนี้เป็นต้น
บริษัทตั้งเป้าหมายธุรกิจบริการเร่งรัดหนี้สินและ Call Center เติบโตอย่างน้อย 5-10% ขณะที่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อตั้งเป้ารายได้เติบโต 100% และตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 600-1,000 ล้านบาท และธุรกิจจัดหาแรงงานตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 20% นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงินในการจัดตั้ง JV ร่วมกัน
ขณะที่สถานการณ์หนี้เสียในไทย หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น บริษัทมองว่าเป็นโอกาสที่สามารถซื้อหนี้ได้ราคาไม่แพง แต่สำหรับการจัดเก็บหนี้ยากขึ้น เพราะว่าลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีนโยบายในการปรับโครงสร้างหนี้อย่างน้อย 1 ครั้งซึ่งบริษัททำอยู่ต่อเนื่อง และบริษัทกำลังจะเข้าร่วมคลีนิกแก้หนี้ของธปท.อีกด้วย อีกทั้งในสถานการณ์ดังกล่าวบริษัทจำเป็นต้องพยายามซื้อหนี้ในราคาไม่สูงเพื่อประโยชน์ของลูกค้า
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวดไตรมาส 1/67 มีรายได้รวม 493.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 144.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.25% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพและรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นจำนวน 127.38 ล้านบาท และ 15.84 ล้านบาทตามลำดับ
ในไตรมาส 1/67 บริษัทมียอดจัดเก็บจากหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและยอดรายได้จากการขายหลักประกันของหนี้ด้อยคุณภาพจำนวน 142.20 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าไตรมาส 1/66 จำนวน 42.64 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.83% โดยที่ยอดจัดเก็บหนี้ชนิดไม่มีหลักประกันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีการซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพชนิดไม่มีหลักประกันมาบริหารเพิ่มเติมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อ 37.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 15.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.07% ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น โดยยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 อยู่ที่ 1,086.82 ล้านบาท ขณะที่ยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 อยู่ที่ 668.56 ล้านบาท
ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.45 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 75.83 ล้านบาท หรือลดลง 64.11% โดยสาเหตุของการลดลงของกำไรส่วนใหญ่เป็นผลจากการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นการเกิดผลขาดทุนแบบครั้งเดียว เนื่องจากการปรับประมาณการใหม่บางพอร์ตในอดีตจำนวน 128.46 ล้านบาท โดยผลขาดทุนด้านเครดิตในไตรมาส 1/67 มีจำนวน 264.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/66 จำนวน 133.03 ล้านบาท
ทั้งนี้ โดยปกติช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของทุกปีนั้น จะเป็นโลว์ซีซั่นของธุรกิจ ทำให้บริษัทไม่เร่งในการซื้อมูลหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาเติมพอร์ตมากนัก แต่จะไปเน้นในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า เพราะจะมีมูลหนี้ที่ทางสถาบันการเงินปล่อยออกมาจำนวนมากกว่าทำให้ราคาไม่สูงนัก โดยในการซื้อของใหม่เข้ามาเติมพอร์ตนั้นต้องเห็นแล้วว่าอยู่ในช่วงระดับราคาที่มีความเหมาะสมและไม่แพงเกินไป เพราะไม่อยากให้กลุ่มลูกหนี้ต้องมีภาระทางการเงินเพิ่ม ซึ่งก็จะเป็นการช่วยเหลือในอีกรูปแบบหนึ่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ค. 67)
Tags: CHAYO, ชโย กรุ๊ป, สุขสันต์ ยศะสินธุ์, หุ้นไทย