บรรดาอดีตประธานาธิบดี, นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศได้ยื่นข้อเรียกร้องให้กลุ่มประเทศ G7 สนับสนุนเงินจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์และการระบาดซ้ำซึ่งเป็นภัยคุกคามทั่วโลกในขณะนี้
ทั้งนี้ อดีตผู้นำประเทศได้ยื่นจดหมายในที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 ซึ่งจัดขึ้นที่อังกฤษเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีใจความว่า แม้ความร่วมมือทั่วโลกจะล้มเหลวในปี 2563 แต่สำหรับปี 2564 ความร่วมมือดังกล่าวจะก้าวไปสู่ยุคใหม่
“การสนับสนุนจากกลุ่ม G7 และ G20 เพื่อให้ประเทศที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางเข้าถึงวัคซีนได้นั้นไม่ใช่แค่เรื่องการกุศล แต่ถือเป็นผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของทุกประเทศด้วย”
ในบรรดาผู้นำประเทศที่ร่วมลงนามในครั้งนี้ ประกอบด้วยนายกอร์ดอน บราวน์และนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ, นายบัน คี มูน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) รวมถึงอดีตผู้นำประเทศจากแอฟริกาอีก 15 ราย ซึ่งมีความเห็นว่า ผู้นำกลุ่ม G7 และประเทศอื่นๆ ที่ได้รับเชิญให้ร่วมการประชุมในครั้งนี้ควรต้องสร้างหลักประกันในการต่อสู้กับโรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นวงเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีเป็นเวลาสองปี
ทางด้านนายบราวน์ระบุว่า “สิ่งที่กลุ่ม G7 ต้องจ่ายไม่ใช่เพื่อการกุศล แต่เป็นการป้องกันตนเองเพื่อหยุดยั้งโควิด-19 จากการแพร่ระบาด การกลายพันธุ์ และการกลับมาเป็นภัยคุกคามต่อเราทุกคน” นายบราวน์กล่าวและเพิ่มเติมว่า “เงิน 30 เพนซ์ (0.43 ดอลลาร์) ต่อคนต่อสัปดาห์ในอังกฤษเป็นเงินที่น้อยมากที่ควรต้องจ่ายเพื่อสร้างหลักประกันที่ดีที่สุดในการคุ้มครองโลกใบนี้”
ขณะเดียวกัน องค์กร Save The Children ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยพบว่า ประชาชนในสหรัฐ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และแคนาดาต่างสนับสนุนอย่างแข็งขันให้กลุ่ม G7 สนับสนุนงบประมาณมูลค่า 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 64)
Tags: COVID-19, G7, ประเทศยากจน, วัคซีนต้านโควิด-19, โควิด-19