อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวเตือนในวันนี้ (31 มี.ค.) ว่า สหรัฐฯ จะต้องเจอกับการตอบโต้ที่รุนแรง หากปฏิบัติตามคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะทิ้งระเบิดโจมตีอิหร่าน หากไม่ยอมบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่กับสหรัฐฯ
คาเมเนอีกล่าวว่า “ความเป็นปฏิปักษ์จากสหรัฐฯ และอิสราเอลนั้นมีมาตลอด พวกเขาขู่จะโจมตีเรา ซึ่งเราไม่คิดว่ามีโอกาสสูงมากนัก แต่หากพวกเขาก่ออันตรายใด ๆ พวกเขาจะได้รับการตอบโต้ที่สาสมอย่างแน่นอน” พร้อมย้ำชัดว่า “หากพวกเขาคิดจะก่อความไม่สงบภายในประเทศเหมือนในอดีต ชาวอิหร่านเองจะเป็นผู้จัดการกับพวกเขา”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่อิหร่านว่าจะทิ้งระเบิดและใช้มาตรการภาษีรอง (secondary tariffs) หากอิหร่านไม่ยอมบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์
“หากพวกเขาไม่ทำข้อตกลง จะมีการทิ้งระเบิด ซึ่งจะเป็นการทิ้งระเบิดแบบที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน” ปธน.ทรัมป์กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวเอ็นบีซี นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (30 มี.ค.) พร้อมเสริมว่า “มีโอกาสที่หากพวกเขาไม่ทำข้อตกลง ผมจะใช้มาตรการภาษีรองกับอิหร่านเหมือนที่ผมเคยทำเมื่อสี่ปีก่อน”
โดยการใช้มาตรการภาษีรองจะส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อสินค้าของประเทศนั้น ๆ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อิหร่านได้ตอบกลับจดหมายของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ผู้นำอิหร่านกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิหร่านจะไม่เจรจาโดยตรงกับสหรัฐฯ แต่ยินดีที่จะเจรจาทางอ้อมต่อไป ตามคำแนะนำของคาเมเนอี
“การขู่จะทิ้งระเบิดอย่างเปิดเผยโดยผู้นำประเทศต่ออิหร่าน ถือเป็นการท้าทายหลักสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” เอสมาอีล บากาอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านกล่าวผ่านทางเอ็กซ์ “ความรุนแรงนำมาซึ่งความรุนแรง สันติภาพนำมาซึ่งสันติภาพ สหรัฐฯ เลือกได้และต้องยอมรับผลที่ตามมา”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 มี.ค. 68)
Tags: สหรัฐ, อิหร่าน, โดนัลด์ ทรัมป์