นางจาร์ซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เปิดเผยในวันนี้ว่า นิวซีแลนด์ควรยกระดับเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ถึง 90% ขึ้นไป และทางรัฐบาลอาจยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด หากประชาชนได้รับวัคซีนในระดับที่สูงมากพอ
นิวซีแลนด์สามารถควบคุมโควิด-19 ได้อย่างดีเยี่ยมในปีที่ผ่านมาจนแทบไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ ก่อนที่จะเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในเดือนส.ค. ซึ่งนำไปสู่การล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
เมืองโอ๊คแลนด์ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งล็อกดาวน์ และมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกวัน โดยนางอาร์เดิร์นกล่าวว่า การฉีดวัคซีนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19 แทนที่มาตรการล็อกดาวน์ และทางการจะแยกกักตัวเฉพาะผู้ติดเชื้อเท่านั้น
“หากอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ เราก็จะสามารถเลิกใช้มาตรการล็อกดาวน์ได้”
นางอาร์เดิร์นกล่าว
อัตราการฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับสูงสุดนั้นจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ซึ่งนิวซีแลนด์ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 90% ขึ้นไป
อนึ่ง ปัจจุบันนิวซีแลนด์มีอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสในกลุ่มประชากรผู้ใหญ่ที่ 40% และ 75% สำหรับประชากรที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส
ข้อมูล ณ วันพุธ (22 ก.ย.) ระบุว่า นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 15 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศรวมอยู่ที่ 1,123 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 64)
Tags: COVID-19, จาร์ซินดา อาร์เดิร์น, ฉีดวัคซีน, นิวซีแลนด์, ยุติล็อกดาวน์, โควิด-19