รายงานสถานะแรงงานทั่วโลกประจำปี 2567 (State of the Global Workforce 2024) ฉบับใหม่ซึ่งจัดทำโดยแกลลัพ (Gallup) ระบุว่า อังกฤษประสบกับปัญหาร้ายแรง เนื่องจากมีพนักงานเพียง 10% ของอังกฤษเท่านั้นที่รู้สึกมีส่วนร่วมกับงานของตนเอง ตามหลังสหรัฐและอีกหลายประเทศในยุโรป
ตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า พนักงาน 90% รู้สึกไม่มีส่วนร่วมในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง และอาจเข้าสู่แนวโน้มของการ “ทำงานไปวัน ๆ อย่างหมดไฟ” (quiet quitting) ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ผลสำรวจยังพบอีกว่า พนักงาน 40% ของอังกฤษรู้สึกเครียดทุกวัน ขณะที่อีก 27% รู้สึกเศร้าทุกวัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงเป็นอันดับ 2 ในหมู่ประเทศในยุโรป นอกจากนี้ พนักงานอีก 20% ระบุว่า รู้สึกโกรธทุกวัน
ทั้งนี้ ตัวเลขความรู้สึกมีส่วนร่วมกับงานอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ 23% ของพนักงานทั่วโลกที่ระบุว่า รู้สึกมีส่วนร่วม และ 33% ของพนักงานในสหรัฐที่รู้สึกแบบเดียวกัน
ข้อมูลดังกล่าวรวบรวมมาในปี 2566 จากการสำรวจพนักงานวัยผู้ใหญ่ 128,278 คนในกว่า 160 ประเทศ โดยการสำรวจมีการดำเนินการเป็นประจำทุกปีทั้งจากการพบปะหรือผ่านทางโทรศัพท์
รายงานระบุว่า “พนักงานที่ไม่รู้สึกมีส่วนร่วมกับงานตัวเองมักติดอยู่กับงานที่ตัวเองไม่ชอบด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ … ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญในความรู้สึกไม่มีส่วนร่วม เรามองว่า โอกาสในการทำงานช่วยให้พนักงานที่รู้สึกอึดอัดสามารถออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายและหางานที่ดีกว่าได้”
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า พนักงานในอังกฤษต่ำกว่าครึ่งกล่าวว่า นี่เป็นเวลาช่วงที่ดีที่จะหางาน ขณะที่พนักงานเกือบ 1 ใน 3 กล่าวว่า พวกเขากำลังหางานใหม่อยู่
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) ที่ได้รับการวิเคราะห์โดยแมคคินซีย์ระบุว่า พนักงานอังกฤษไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับตลาดงาน เนื่องจากตำแหน่งงานว่างที่น้อยลงหลังจากช่วงการแพร่ระบาดสูงสุดของโรคโควิด-19 ในปี 2565
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 67)