ผลวิจัยอังกฤษชี้ผู้ติดเชื้อโอมิครอนมากกว่า 2 ใน 3 เคยติดโควิดมาก่อน

ผลวิจัยชุดใหม่ของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอนเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดก่อนหน้านี้ในอังกฤษเรียบร้อยแล้ว ขณะที่มีความเป็นไปได้ว่า ผู้ติดเชื้อจำนวนมากกลับมาติดเชื้อซ้ำ

รายงานวิจัย REACT (Real-time Assessment of Community Transmission) ที่อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน เก็บข้อมูลมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษ ได้วิเคราะห์ผลการตรวจ PCR จำนวน 100,607 รายการทั่วอังกฤษ โดยเก็บตัวอย่างเมื่อช่วงวันที่ 5-20 ม.ค.ที่ผ่านมา และพบว่าผลการสวอบ 99% เป็นเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน โดยมีเพียง 1% เท่านั้นที่เป็นสายพันธุ์เดลตา

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า คณะผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเดือนม.ค.ปีนี้ของอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไวรัสโอมิครอนก็แทนที่ไวรัสเดลตาเกือบสมบูรณ์แล้ว

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมวิจัย 2 ใน 3 จากทั้งหมด 3,582 คนที่มีผลการตรวจเชื้อเป็นบวกระบุว่า ตนเองเคยติดเชื้อโควิดมาก่อน นอกจากนี้ 7.5% ยังสงสัยว่า เคยติดเชื้อไวรัส แต่ไม่ได้ตรวจยืนยันผล

ทีมวิจัยยังระบุด้วยว่า “การฉีดวัคซีน (รวมถึงเข็มบูสเตอร์) ยังคงเป็นแนวทางหลักในการป้องกันโควิด เมื่อพิจารณาจากประสิทธิภาพของวัคซีนในการยับยั้งความเสี่ยงจากการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้อย่างมาก”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 65)

Tags: , , , , , , ,