เอดดาต้า (AidData) ศูนย์การวิจัยประจำมหาวิทยาลัยวิลเลียมแอนด์แมรีในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐเผยแพร่รายงานการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่เมื่อวันจันทร์ (6 พ.ย.) ระบุว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเป็นหนี้จีนมากกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจีนปล่อยเงินกู้เป็นจำนวนมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินกู้เหล่านี้ไม่ได้ถูกชำระคืนตรงเวลา เนื่องจากประเทศผู้กู้ยืมกำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน
ข้อมูลระบุว่า ยอดค้างชำระหนี้คืนแก่กลุ่มผู้ปล่อยเงินกู้จีนเพิ่งสูงขึ้น โดยเกือบ 80% ของเงินกู้ที่จีนมอบให้กับบรรดาประเทศกำลังพัฒนา ถูกใช้สนับสนุนด้านการเงินแก่ประเทศที่กำลังประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า จีนได้ระดมเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศยากจนตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนผ่าน “แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (BRI) อันเป็นนโยบายสำคัญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนที่เปิดตัวตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2556
เงินทุนดังกล่าวถูกนำมาใช้เพื่อสร้างถนน สนามบิน ทางรถไฟ และโรงไฟฟ้าในภูมิภาคต่าง ๆ ตั้งแต่ลาตินอเมริกาไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศที่กู้ยืมเงินจากจีน ซึ่งในขณะเดียวกัน เงินทุนสนับสนุนนี้ดึงดูดให้รัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้จีนกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก และได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าจีนให้กู้เงินอย่างไร้ความรับผิดชอบ
เอดดาต้าระบุอีกว่า จากการวิเคราะห์การสนับสนุนทางการเงินของจีนใน 165 มานานกว่า 20 ปีนั้นพบว่าในขณะนี้ 55% ของเงินกู้ที่จีนปล่อยให้กับประเทศกำลังพัฒนานั้น ถึงระยะเวลาการชำระคืนแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 66)
Tags: จีน, ประเทศกำลังพัฒนา, เงินกู้