นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่พุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี มากกว่า 20% เป็นประวัติการณ์ของวงการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง สร้างปัญหาและภาระค่าใช้จ่ายด้านการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูและไก่ แบกภาระเพิ่มขึ้น 20-30% ซึ่งวัตถุดิบอาหารสัตว์คิดเป็นต้นทุนหลัก 60 – 70% ของการเลี้ยงสัตว์ และยังมีผลต่อเนื่องไปยังห่วงโซ่อุปทานปลายทาง คือ ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ทั้งการบริโภคภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ และเพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวนาเพาะปลูกข้าวที่ปีนี้ฝนดีข้าวนาปีทะลัก คาดว่าจะมีข้าวเปลือกปริมาณไม่ต่ำกว่า 25 ล้านตัน ทำให้ราคาข้าวตกต่ำ เนื่องจากมีการผลิตข้าวส่วนเกิน 4-5 ล้านตัน
กรมปศุสัตว์จึงได้มีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ และชาวนา โดยกู้วิกฤตการณ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาแพง และวิฤตการณ์ข้าวเปลือกราคาถูก โดยการปรับประยุกต์รูปแบบการเลือกใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในอาหารสัตว์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการจัดการด้านอาหารสัตว์ตามสถานการณ์ปริมาณ
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางเลือกและข่าวดีในวงการปศุสัตว์ ที่สามารถใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบทดแทนเพื่อเป็นแหล่งพลังงานในอาหารสัตว์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการจัดการด้านอาหารสัตว์ โดยสามารถช่วยลดต้นทุนด้านการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ด้านอาหารสัตว์ นำข้าวกล้องหรือข้าวกระเทาะเปลือกเป็นแหล่งพลังงานหลักทดแทนวัตถุดิบข้าวโพด ข้าวสาลี เมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยเหลือชาวนาปลูกข้าว โดยการใช้วัตถุดิบข้าวภายในประเทศมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ เป็นการแก้ปัญหาต่อเนื่องได้อย่างยั่งยืน ตลอดห่วงโซ่อุปทานการผลิตต่อไป
นอกจากนี้ ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา (dynamic change) เช่น การเพิ่มสัดส่วนการใช้ข้าวเปลือกบดในอาหารสุกรและสัตว์ปีกในช่วงอายุ และปริมาณที่เหมาะสม แต่ควรมีข้อควรระวังในการใช้วัตถุดิบแต่ละชนิดในการประกอบสูตรอาหารให้เหมาะสม ตามช่วงอายุการผลิตและประสิทธิภาพการย่อยและการดูดซึมอาหารระบบทางเดินอาหาร โดยทั่วไปแล้วข้าวเปลือกบดไม่สามารถใช้ได้เกิน 20% ในสูตรอาหารสุกรและสัตว์ปีกระยะให้ไข่ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ข้าวเปลือกบดประกอบสูตรอาหารสุกร และสัตว์ปีกระยะเล็ก
สำหรับข้าวเปลือกบด (ground paddy rice) เป็นวัตถุดิบอาหารที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรนิยมใช้ในการเลี้ยงสัตว์กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในช่วงที่ปลายข้าวมีราคาแพง และข้าวเปลือกมีราคาถูก ข้าวเปลือกบดได้จากการเอาข้าวเปลือกทั้งเมล็ดมาบดให้ละเอียด มีองค์ประกอบคุณค่าทางอาหารโดยประมาณ ดังนี้ ความชื้น 10% โปรตีน 8.2% เยื่อใย 9.2% ไขมัน 1.9% เถ้า 6.5% และคาร์โบไฮเดรตย่อยง่าย (NFE) 62.4%
ทั้งนี้ พบว่าข้าวเปลือกบดมีปริมาณเยื่อใยสูง มีส่วนของเปลือกข้าวหรือแกลบเป็นองค์ประกอบ เมล็ดข้าวจะมีส่วนของแกลบประมาณ 20-25% ซึ่งส่วนของแกลบจะมีเยื่อใยและสารซิลิกา (silica) ประมาณ 40% และ 11 – 19% ตามลำดับ นอกจากนี้มีการใช้ข้าวกล้องบดหรือ ข้าวแดงบด (ground brown rice) สามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ ประกอบด้วยรำละเอียด และข้าวสารหรือปลายข้าวผสมกัน ซึ่งมีองค์ประกอบคุณค่าทางอาหาร
ในส่วนของข้าวกล้องมีใยอยู่ในระดับต่ำ และมีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกับปลายข้าวมาก จึงสามารถใช้ทดแทนปลายข้าวในสูตรอาหารสัตว์ชนิดต่างๆ ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความฟ่าม การเป็นฝุ่น และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสารไฟติน ดังนั้น ข้าวกล้อง หรือข้าวกะเทาะเปลือกสามารถใช้เป็นวัตถุดิบแหล่งพลังงานในอาหารสัตว์ได้ มีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับข้าวโพด และปลายข้าวจึงสามารถใช้ทดแทนปลายข้าวในสูตรอาหารสัตว์ชนิดต่างๆ ได้ดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 64)
Tags: กรมปศุสัตว์, สรวิศ ธานีโต, อาหารสัตว์