ปธ.เฟดริชมอนด์ชี้ นโยบายสหรัฐฯ ไม่นิ่งหวั่นกระทบดีมานด์ เฟดขอรอดูความชัดเจน

ทอม บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวเมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) ว่า ความไม่แน่นอนที่สูงมากเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเหตุผลสำคัญที่เฟดยังคงใช้นโยบายการเงินแบบ “คุมเข้มปานกลาง” ในปัจจุบัน และความไม่แน่นอนนี้อาจส่งผลให้ดีมานด์ชะลอตัวลงได้

บาร์กินกล่าวระหว่างการบรรยายเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน แอนด์ ลี ว่า ตอนนี้ทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคกำลังเผชิญกับ “หมอกหนาทึบ” จากความไม่แน่นอนในนโยบายต่าง ๆ เช่น ภาษีนำเข้า การเข้าเมือง และภาษีทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้น

“ความเชื่อมั่นที่ลดลงเพราะความไม่แน่นอนนี้ ดูเหมือนจะทำให้ดีมานด์ซบเซาลงได้” บาร์กินกล่าว

บาร์กินอธิบายว่า นโยบายปัจจุบันของเฟดเหมาะสมแล้วในขณะที่ “รอให้หมอกจาง” เขากล่าวว่า “ในเมื่อตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย จุดยืนที่คุมเข้มปานกลางของเราถือว่าเหมาะสม ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป เราก็อยู่ในจุดที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนได้”

อนึ่ง เฟดได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25%-4.50% ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

บาร์กินยอมรับว่า มาตรการภาษีนำเข้าต่าง ๆ ของรัฐบาลทรัมป์อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นได้ แต่ผลกระทบโดยรวมยังไม่ชัดเจน เพราะต้องพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นควบคู่กันไปด้วย เช่น การลดภาษี หรือการผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ

“ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วอัตราภาษีนำเข้าจะเป็นเท่าไร หรือประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงภาคธุรกิจและผู้บริโภค จะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร” บาร์กินกล่าวตามเอกสารเตรียมการบรรยาย

บาร์กินย้ำว่า ความเชื่อมั่นและเสถียรภาพเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการใช้จ่าย การลงทุน และตลาดการเงิน เขาชี้ว่า สภาพแวดล้อมด้านนโยบายที่เปลี่ยนแปลงเร็วในปัจจุบันทำให้เกิดภาวะ “ทัศนวิสัยเป็นศูนย์” ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มี.ค. 68)

Tags: , , , ,