นางลอรี โลแกน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสเปิดเผยว่า ในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 13-14 มิ.ย.นั้น กรรมการเฟดมีการพูดคุยถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันดังกล่าว ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า กรรมการเฟดรวมทั้งนางโลแกนด้วยนั้นมองว่าเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
“ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย. กรรมการเฟดมีการอภิปรายกันว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและเป้าหมายของเฟด แต่ในท้ายที่สุดแล้ว กรรมการเฟดเล็งเห็นถึงความท้าทายและความไม่แน่นอน จึงได้ตัดสินใจระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และมีความเห็นตรงกันว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปควรจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป” นางโลแกนกล่าวในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.)
นางโลแกนยังกล่าวด้วยว่า “ดิฉันยังคงมีความกังวลอย่างมากว่า เงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายของเฟดอย่างยั่งยืนและในเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือแนวโน้มของเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมาย และตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งมากกว่าคาด ซึ่งทำให้เฟดมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น”
การแสดงความเห็นของนางโลแกนมีขึ้นเพียงวันเดียว หลังจากคณะกรรมการเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ในวันพุธ (5 ก.ค.) โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนหนึ่งสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. เนื่องจากเห็นว่าการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อเป็นไปอย่างเชื่องช้า อย่างไรก็ดี ภายหลังจากการอภิปรายสิ้นสุดลง กรรมการเฟดทุกคนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันดังกล่าว
รายงานประชุมระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ หลังจากที่เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม กรรมการเฟดต้องการให้ชะลอความแรงของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้เฟดมีเวลามากขึ้นในการประเมินผลกระทบที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 66)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, นโยบายการเงิน, ลอรี โลแกน, เศรษฐกิจสหรัฐ