สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งในวันนี้ หลังจากที่แรงเทขายอย่างหนักในช่วงข้ามคืนที่เกิดจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ของจีนนั้น ได้เริ่มลดลง แต่บรรดานักลงทุนก็ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความผันผวนมากขึ้น
ทั้งนี้ ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ราว 43,000 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงแตะ 40,192 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ และราคาบิทคอยน์ได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 52,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนราคาอีเธอร์ดีดตัวขึ้น 1% แตะ 3,012 ดอลลาร์ หลังจากร่วงลงก่อนหน้านี้ทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค.
ตลาดต่างๆ ทั่วโลกเปิดการซื้อขายในสัปดาห์นี้ด้วยความปั่นป่วน หลังเกิดความวิตกว่า ปัญหาของเอเวอร์แกรนด์อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยง
นายแมทธิว ดิบบ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทสแต็กฟันด์ ผู้ให้บริการกองทุนดัชนีคริปโตกล่าวว่า “เรายังไม่ควรมองภาพบวกมากนักจนกว่าจะผ่านไปอีก 2-3 วันข้างหน้า ตอนนี้ราคาถูกขับเคลื่อนโดยความเชื่อมั่นล้วนๆ และจริงๆ แล้วตลาดก็มีสภาพคล่องที่ต่ำมาก” พร้อมระบุเสริมว่า ควรจะชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพราะตลาดคริปโตจะยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์ต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 64)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, บิตคอยน์, สแต็กฟันด์, เอเวอร์แกรนด์, แมทธิว ดิบบ์, ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป