บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชุมนัดแรกปลายต.ค.-ต้นพ.ย. จ่อถกดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2-มาตรการท่องเที่ยว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะมีการประชุมในช่วงปลายเดือน ต.ค.ถึงต้นเดือน พ.ย. โดยจะมีการหารือรายละอียดโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2

“ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 มาแน่นอน รัฐบาลคิดโครงไว้หมดแล้ว ส่วนกระบวนการในการพัฒนาระบบหลังจากที่เลื่อนมา เราเห็นกรอบเวลาเห็นภาพที่จะดำเนินการแล้วว่าจะได้ประมาณช่วงไหน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ขอไปหารือในที่ประชุมก่อน หลังจากนั้นจะมาชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง แต่รัฐบาลยืนยันชัดเจนว่าเม็ดเงิน 10,000 บาทจะถึงมือประชาชนอย่างครบถ้วนแน่นอน ส่วนจะเป็นการจ่ายแบบก้อนเดียว หรือทยอยจ่ายเป็นล็อต ก็ต้องรอไปหารือก่อน” นายจุลพันธ์ กล่าว

สำหรับผลการใช้จ่ายหลังโอนเงิน 10,000 บาทในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ วงเงิน 1.45 แสนล้านบาทนั้นค่อนข้างกระจายตัวได้ดี มีการใช้จ่ายดี เม็ดเงินหมุนเข้าสู่ระบบค่อนข้างเร็ว สะท้อนจากการค้าขายในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศดูคึกคักมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในความสำเร็จตรงนี้ โดยเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังเร่งพิจารณาวางกรอบอยู่ว่าจะทำอะไรเพิ่มเติม

นอกจากนี้ หนึ่งในมาตรการที่เตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณา คือ มาตรการเที่ยวไทยไปต่อ ซึ่งเป็นชื่อเบื้องต้น โดยหลักการจะให้นำรายจ่ายจากการท่องเที่ยว จัดประชุม สัมมนา ในพื้นที่ประสบอุทกภัยตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มาหักลดหย่อนภาษีได้ เบื้องต้นเสนอไว้ 2 เท่า เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และดึงกำลังซื้อให้กลับไปในพื้นที่ดังกล่าว หากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเห็นชอบก็จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล สำหรับประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ตามประกาศของ ปภ. รวมถึงจะมีการเสนอมาตรการภาษีสำหรับการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และยานพาหนะ สำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ค่าซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมอาคาร หรือทรัพย์สินที่ติดตั้งกับตัวอาคารที่อยู่ในที่ดินมาหักลดหย่อนภาษีได้ ส่วนรายละเอียดขอให้รอการพิจารณาของ ครม. อีกครั้ง เพราะเรื่องมาตรการด้านภาษีคงพูดกันก่อนไม่ได้ เนื่องจากจะมีผลต่อจิตวิทยาให้คนดึงการใช้จ่ายเพื่อรอมาตรการ

รมช.คลัง ยืนยันว่า รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยช่วงก่อนปีใหม่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา และช่วงปีใหม่ก็จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามออกมาเพิ่มเติมอีก ส่วนรายละเอียดของมาตรการทั้งหมด ต้องรอหารือและสรุปในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน

“ข้อเสนอของภาคเอกชนเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่ง และโครงการคูณสองนั้น รัฐบาลพร้อมรับมาพิจารณา ไม่ได้ปิดกั้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ยึดติดกับศักดิ์ศรีอะไรขนาดนั้น หากต้องนำโครงการเก่า ๆ มาดำเนินการ เพราะเรามองที่ประโยชน์ของชาวบ้านเป็นหลัก คนชอบมาถามผมว่าเอาโครงการเก่ามาทำเป็นอะไรไหม ผมอยากชี้แจงว่าถ้าโครงการนั้น ๆ เป็นประโยชน์ก็สามารถนำมาทำได้” นายจุลพันธ์ กล่าว

รมช.คลัง กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.7% ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ แต่ส่วนตัวก็อยากให้เติบโตได้ถึง 3% เพราะจะเป็นระดับที่ส่งผลต่อเนื่องทางจิตวิทยาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนแนวโน้มในปี 2568 นั้นมั่นใจและเชื่อมั่นว่าจีดีพีจะเติบโตได้มากกว่า 3% อย่างแน่นอน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันออกไปตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการผลิดอกออกผล สะท้อนจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาเป็นชิ้นเป็นอัน จากการเร่งผลักดันการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และ EEC รวมถึงการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินของภาครัฐผ่านกรมบัญชีกลาง เพื่อให้เม็ดเงินลงทุนสามารถหมุนเข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ต.ค. 67)

Tags: , , ,